Politics

‘ภูมิใจไทย’ ขอเป็นตัวกลางสร้างความมั่นคงชาติ

“อนุทิน” ย้ำทุกนโยบายคัดสรรเพื่อประชาชน ยันเลือกตั้งต้องมี “ภูมิใจไทย” ทำหน้าที่ตัวกลาง ลั่นไม่ยอม “250 ส.ว.” จูงให้เลือกใครเป็นนายกฯ รับไม่หวั่นกระแสล้มลต. เพราะคนตัดสิน คือ “ประชาชน”

อนุทิน ชาญวีรกูล 1

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ประเด็นทางการเมืองถึงเสียงตอบรับจากการลงพื้นที่หาเสียง ว่า ประชาชนให้การตอบรับอย่างอบอุ่น และพรรคได้รับการตอบรับเกินความคาดหมายในเรื่องนโยบาย ซึ่งเน้นแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนเป็นหลัก นอกจากนี้ ในพื้นที่ที่มีการปลูกข้าวจำนวนมาก ประชาชนต่างชื่นชอบนโยบายข้าวแบ่งปันผลกำไร รวมถึงการนำบุรีรัมย์โมเดลไปพัฒนาจุดเด่นของแต่ละจังหวัดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

สำหรับนโยบายพักหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 5 ปี เพราะไม่ต้องการให้เยาวชนรับปริญญาพร้อมกับใบแจ้งหนี้ รวมถึงต้องปลดภาระผู้ค้ำประกัน  ใครกู้ยืมคนนั้นต้องเป็นคนจ่าย ไม่ใช่ไปติดตามจากคนอื่น ทั้งนี้ รัฐเองก็มีส่วนก่อให้เกิดหนี้ดังกล่าวด้วย จึงต้องรับภาระในระดับหนึ่ง

ส่วนนโยบายปลูกกัญชาเสรี  แม้ว่าจะมีเสียงสะท้อนเป็นจำนวนมาก แต่พรรคยืนยันในนโยบายดังกล่าว ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกัญชาได้ เพราะเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่การมอมเมาประชาชน นั่นเป็นวาทกรรมของคนที่คิดไม่ถึงว่านโยบายนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน

 

อนุทิน ชาญวีรกูล 2 1

“ในความเป็นจริงทุกอย่างอยู่ที่การควบคุมโดยกฎหมาย  กัญชาไม่ต่างจากเหล้าและบุหรี่ คนที่มีสติสัมปชัญญะในการใช้ก็จะสามารถควบคุมตัวเองได้ แต่ใครที่ใช้มากเกินไปก็ต้องใช้กฎหมายควบคุม ผมยืนยันว่าการที่พรรคเสนอนโยบายนี้ ไม่ได้เป็นการเสนอให้คนมาเสพกัญชา แต่เป็นการให้สิทธิประชาชนปลูกเพื่อสร้างรายได้ อีกทั้ง นโยบายของพรรคป้องกันการผูกขาดสัมปทานกัญชาจากนายทุน เพื่อให้ประชาชนได้พัฒนาหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์โดยไม่ติดลิขสิทธิ์ทางปัญญา”นายอนุทิน กล่าว

อย่างไรก็ดี จากการแลกเปลี่ยนหารือกับทูตหลายประเทศ มองสถานการณ์การเมืองไทยและเห็นตรงกันว่า จำเป็นต้องมีการเลือกตั้ง จึงจะยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างสง่างาม ไม่ถูกกดดัน ไม่ถูกเอาเปรียบ หรือถูกตั้งเงื่อนไขใดๆ จ้องหน้าใครก็ไม่ต้องก้มหน้าหลบสายตา ดังนั้น รัฐบาลต้องมาจากเสียงของประชาชน

ส่วนที่พรรคถูกมองว่าใกล้ชิดกับทหาร รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น ถ้าใกล้ชิดจริง ทำไมจึงถูกด่าว่าเลอะเทอะ โดยเฉพาะนโยบายกัญชา ส่วนหลังเลือกตั้งพรรคจะร่วมรัฐบาลกับใครนั้น จะยึดประชาชนเป็นหลัก วันนี้ (6มี.ค.) พิสูจน์ได้แล้วว่าพรรคไม่ได้ติดหนี้บุญคุณใคร และไม่มีจับมือกับใครก่อน ต่างคนต่างแข่งขันเหมือนกับการตีกอล์ฟที่ต้องทำผลงานของตนเองให้ดีที่สุด และเชื่อว่าจะมี ส.ส. มากพอที่จะเข้าไปผลักดันนโยบายและแก้ปัญหาได้ในสภาฯ

นายอนุทิน ระบุว่า ไม่เป็นไปตามผลการสำรวจที่ผ่านมา โดยคาดหวังว่าจะได้ทำในสิ่งที่เป็นประวัติศาสตร์ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยนำพาประเทศไปข้างหน้าแบบไร้ความขัดแย้ง เชื่อว่าพรรคจะเป็นส่วนที่ทำให้เกิดสิ่งที่ดี ส่วนแนวโน้มรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง จะมีเสถียรภาพหรือไม่นั้น ส่วนตัวหวังว่าต้องมีภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล จึงจะทำให้รัฐบาลมีความมั่นคง

“ถ้ามีภูมิใจไทยจะไม่มีขั้วและจะบอกทุกฝ่ายให้ไปในทางสายกลาง ผมเชื่อว่าทุกพรรคมีความตั้งใจและอยากเห็นประเทศชาติก้าวหน้า แต่ที่ผ่านมามันไม่มีทางลง ดังนั้น ครั้งนี้ก็สามารถผ่านมาทางพรรคได้ ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่พรรคภูมิใจไทยจะสนับสนุน ต้องเป็น ส.ส. และมาจากเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร เราไม่ยอมให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้มาจากประชาชนมาเป็นผู้กำหนด เรารับไม่ได้ที่จะให้คนที่ไม่ได้มาจากประชาชนมาเลือกนายกฯ”นายอนุทิน ระบุ

ทั้งนี้ ยอมรับว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่ให้ 250 ส.ว. มาโหวตเลือกนายกฯ  รวมถึงการเป็นนายกฯเสียงข้างน้อย เพราะประเทศจะเสียหาย ดังนั้น ส.ส.ต้องตระหนัก ทำให้นายกฯสง่างามและรัฐบาลสามารถทำงานได้ตามกลไกรัฐสภาที่มีฝ่ายบริหารและฝ่ายตรวจสอบ ที่ผ่านมาเสียโอกาสมามากแล้ว คน 500 คน จะไปเดินตามคน 250 คนได้อย่างไร แต่ 500 คนต้องเป็นผู้นำ 250 คน เพราะพวกเขาเป็นตัวแทนของคนไทย ต้องมีเสียงดังและสิทธิที่มากกว่า

สำหรับกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะไม่ขึ้นเวทีปราศรัยในวันที่ 10 มีนาคม ที่จังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นกลยุทธ์แต่ละพรรค และวิธีการสร้างความนิยม ดังนั้น ขอให้ทุกพรรคต่อสู้บนความยุติธรรม อย่าชกใต้เข็มขัด และตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ใคร

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่เล่นกีฬาสี และมองว่าสิ่งสำคัญของการทำงานการเมืองนั้น ไม่ใช่การเป็นรัฐบาล แต่คือการที่นักการเมืองต้องนำพาตัวเองไปเป็นผู้แทนราษฎร จึงถือว่าประสบความสำเร็จในอาชีพนักการเมือง ส่วนเรื่องกระแสข่าวหากมีบางคนไม่ชนะการเลือกตั้ง และทำให้เป็นโมฆะนั้น ซึ่งเรื่องนี้คนตัดสิน คือ ประชาชน ดังนั้น ใครจะมา T.K.O.(แพ้น็อก) หรือจะไปน็อกประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งประเทศ ภาษาฝรั่งเรียกว่า Be my guest (เชิญตามสบาย) ส่วนตนจะเป็นคนลอยอังคารให้

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight