Economics

ไทยเจ้าภาพจัดประชุม ‘ไตรภาคียางระหว่างประเทศ’

ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีไตรภาคียางระหว่างประเทศ (ITRC) สมัยพิเศษ ร่วมกับรัฐมนตรีจากประเทศผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ 3 ประเทศ

นายกฤษฎา บุญราช
นายกฤษฎา บุญราช

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมระดับรัฐมนตรีไตรภาคียางระหว่างประเทศ (ITRC) สมัยพิเศษ ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ พร้อมด้วย H.E. DarminNasution รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประสานงานกิจการเศรษฐกิจสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และ H.E Teresa Kok Suh Sim รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานของมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากรัฐบาลประเทศสมาชิก ว่า ทุกประเทศตระหนักถึงความสำคัญของการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ จึงมีการนำเอานโยบายต่าง ๆ แก้ไขปัญหาตั้งแต่การพยายามลดการพึ่งพาการส่งออก การเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศให้มากขึ้นให้เกิดความสมดุล

ด้วยการลดปริมาณการผลิตยางธรรมชาติลง เพื่อทำให้ราคายางพาราในประเทศมีเสถียรภาพ ซึ่งทาง ITRC และ IRCo (เออโก้) มีความพยายามแก้ปัญหาดังกล่าว โดยการกำหนดนโยบายและโครงการต่าง ๆ ขึ้น ได้แก่ โครงการส่งเสริมด้านอุปสงค์เพิ่มปริมาณการใช้ยาง โครงการประกวดผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมจากยางธรรมชาติ และการสร้างแบบจำลองในการพยากรณ์อุปสงค์ยางพาราโลก

ยางพารา

สำหรับประเทศไทย ได้มีการกำหนดนโยบายและแนวทางในการแก้ปัญหาราคายาง ทั้งนโยบายระยะสั้นและระยะยาว ได้แก่ การจัดทำโครงการพัฒนาอาชีพแก่เกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงระหว่างที่ราคายางพาราตกต่ำ โดยเชิญชวนและรับสมัครเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศ ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฝากน้ำยางไว้กับต้นยาง หรือหยุดกรีดยางเป็นเวลา 1 – 2 เดือน

การส่งเสริมและเร่งรัดการใช้ยางพารา และผลิตภัณฑ์ยางพาราในประเทศให้มากขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยเริ่มจากหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐ เพื่อให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์ วัสดุ ครุภัณฑ์ สิ่งก่อสร้างที่มีส่วนผสมของยางพาราเพิ่มมากขึ้น เช่น บล็อกยางปูพื้น ยางปูสนามฟุตซอล และถนนยางพาราแอสฟัลต์ติกคอนกรีต เป็นต้น

นอกจากนี้ โครงการเร่งด่วนที่ผลักดันให้มีการดำเนินในปัจจุบัน ได้แก่ การสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ สร้างถนนยางพารากว่า 75,000 หมู่บ้าน โดยมีการสร้างถนนที่มีส่วนผสมของยางพารา ในอัตราหมู่บ้านละ 1 กิโลเมตร เพื่อดูดซับน้ำยางออกจากระบบตลาด และเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศ

ยางพารา3

ขณะเดียวกันก็ได้เชิญชวนบริษัทเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ให้เข้ามาลงทุนผลิตและแปรรูปยาง โดยให้มีสิทธิพิเศษทางการลงทุน อีกทั้งรัฐบาลไทย ก็มีมาตรการในการการควบคุมการผลิต โดยเชิญชวนให้เกษตรกรปลูกพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ทดแทนยางพารา เช่น กาแฟ โกโก้ รวมทั้งสนับสนุนให้มีการลงทุน ในอุตสาหกรรมด้านยางพาราภายในประเทศ เช่น ผลิตล้อยาง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การออกนโยบายของแต่ละประเทศผู้ผลิตยางเพียงอย่างเดียว ยังไม่สามารถที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมยางธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ประเทศสมาชิก ITRC ทั้ง 3 ประเทศ จึงได้มาประชุมเพื่อแต่งตั้งคณะทำงานร่วม ในการค้นหาวิธีการและมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขให้ราคายางพารามีเสถียรภาพ

โดยการประชุมดังกล่าว ได้เห็นชอบร่วมกันที่จะแต่งตั้งเจ้าหน้าที่อาวุโสจากทั้ง 3 ประเทศ เพื่อมาพูดคุยถึงการรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยมาตราการที่ใช้ในในการมาหารือร่วมกัน ได้แก่
1) มาตรการจำกัดปริมาณการส่งออกยาง จะพิจารณาร่วมกัน ซึ่งมีปริมาณระหว่าง 200,000 – 300,000 ตัน
2) จะหาวิธีการเพิ่มปริมาณการใช้ยางของทั้ง 3 ประเทศให้เพิ่มมากขึ้น
3) การลดพื้นที่การปลูกยางพาราไปปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนพร้อม ๆ กัน ทั้ง 3 ประเทศ หรือ Supply Management Scheme (SMS)
4) การจัดทำตลาดยางพาราร่วมกันระหว่างภูมิภาค หรือ Regional Rubber Market (RRM) เพื่อใช้เป็นตลาดกลางซื้อขายยางพาราและการซื้อขายล่วงหน้าด้วย
5) การตั้งสภายางแห่งอาเซียน หรือ ASEAN Rubber Council (ARC) เพื่อเป็นเวทีให้ทั้ง 3 ประเทศมาพูดคุยกันตั้งแต่การแปรรูปยางพารา การศึกษาค้นคว้า งานวิจัย หรือเวทีและเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เป็นต้น

Avatar photo