การก้าวสู่ “สังคมผู้สูงวัย” (Aging Society) ในประเทศไทย ทำให้กลุ่มประชากรอาวุโส กลายเป็นผู้บริโภคหลัก ที่นักการตลาดต้องให้ความสำคัญและทำความเข้าใจทั้งในด้านทัศนคติและพฤติกรรม
สิ่งที่น่าสนใจคือนอกจากกลุ่มสูงวัยจะมีความแตกต่างจากผู้บริโภคกลุ่มอายุอื่นๆ แล้ว กลุ่มสูงวัยในไทยยังมีความต่างในแง่ ความคิดและการใช้ชีวิต เมื่อเทียบกับผู้สูงวัยในประเทศอื่นๆ
นักศึกษาปริญญาโทสาขาการตลาด รุ่น 19B วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดการสัมมนา หัวข้อ AWUSO Society 4.0 แก่แต่วัย หัวใจยังเก๋า โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่าง อายุตั้งแต่ 50– 85 ปี จำนวน 615 คน
จากการทำสัมภาษณ์เชิงลึกและการทำสนทนากลุ่ม พบพฤติกรรมการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของผู้สูงอายุปัจจุบันที่มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ได้มีเพียงแค่อายุเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมการใช้ชีวิต
กลุ่มสูงวัยในไทย แบ่งพฤติกรรมการใช้ชีวิต (Lifestyle) เป็น 5 สาย ดังนี้
วัยเก๋าสายชิลล์ (ใครไม่ชิล เราชิลล์)
กลุ่มนี้ มีสัดส่วนมากที่สุด 42% “วัยเก๋า”สายนี้มีพฤติกรรมการใช้ชีวิต ที่ชอบการพักผ่อนแบบจริงจัง เน้นความสบายๆ ชิลล์ๆ ตามแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ทะเล ภูเขา เป็นต้น เพราะจะทำให้ตัวเองได้รู้สึกผ่อนคลาย ปลดปล่อย ไม่เน้นการทำกิจกรรมอะไรหนักๆ
“ร้านอาหาร” ที่สายชิลล์นิยมไปเป็นร้านบรรยากาศไม่เป็นทางการมากนัก ส่วนใหญ่เป็นร้านประจำที่คุ้นเคย นั่งได้แบบไม่ต้องรีบเร่ง ราคาจะอยู่ระดับปานกลาง เช่น ร้านอาหารที่มีสาขาตามห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
วัยเก๋าสายบุญ (ทำบุญชาตินี้ หวังผลชาติหน้า)
กลุ่มนี้ มีสัดส่วนเป็นอันดับสอง 18% วัยเก๋าสายนี้มีพฤติกรรมการใช้ชีวิต ชอบมองหาสิ่งที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ เพื่อให้ตัวเองได้ปราศจากความทุกข์ในเรื่องต่างๆ สายนี้จะเชื่อในเรื่องการทำความดี ละเว้นความชั่ว เพราะชอบการเข้าวัด ไหว้พระ ทำบุญ เชื่อในการทำบุญ คือ การต่อชีวิตตัวเองในชาตินี้ และชาติหน้าก็จะเกิดมามีชีวิตที่ดีกว่านี้
“ร้านอาหาร” โปรดสำหรับคนกลุ่มนี้ จะเน้นเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ย่อยง่าย เช่น ผัก ผลไม้ หรือเนื้อปลา บางท่านพิถีพิถันเรื่องที่มาที่ไปของวัตุดิบก่อนนำมาทำอาหาร และอีกหลายท่านหลีกเลี่ยงการรับประทานสัตว์ใหญ่ เพราะเชื่อว่าเป็นแหล่งสะสมของสารพิษอีกด้วย
วัยเก๋าสายลุย (ถ้าใจพร้อมแล้วจะรออะไร)
มีสัดส่วนเป็นอันดับสาม 16% “วัยเก๋า”สายนี้มีพฤติกรรมการใช้ชีวิต ที่แตกกต่างจากวัยเก๋าสายชิลล์อย่างชัดเจน เพราะชอบทำอะไรรวดเร็ว ชอบไปท่องเที่ยวที่ต้องมีกิจกรรมให้ทำอยู่เสมอ และกิจกรรมที่ได้ทำต้องใช้การเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ตลอด เช่น เดินป่า ปีนเขา และขับรถ ATV เป็นต้น เพื่อให้ตัวเองได้รู้สึกถึงความสนุกสนาน ผ่อนคลาย ตื่นเต้น ผจญภัย และได้ประสบการณ์ในชีวิตใหม่ๆ ที่ได้ในช่วงปั่นปลายชีวิต
วัยเก๋าสายนี้ จะไม่กังวลเรื่องความสะดวกสบายมากนัก ค่ำไหนนอนนั้น แต่เน้นเรื่องความปลอดภัยสำคัญที่สุด
กลุ่มนี้ชอบการทดลอง หรือค้นหาร้านอาหารใหม่ๆ ตามคำแนะนำของคนใกล้ชิด ลักษณะร้านที่ชื่นชอบส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารเด็ดข้างทาง หรือ สตรีทฟู้ด แต่มีรสชาติอร่อยขั้นเทพ ซื้อง่าย รับประทานง่าย จ่ายง่ายไม่จำเป็นต้องมีที่จอดรถใกล้ร้านหรือการเดินทางที่สะดวกมากนัก เพราะเต็มใจที่จะลุยไปตามหาสิ่งที่ชื่นชอบ แม้อาจต้องเข้าซอยลึก หรือต่อคิวยาวหลายชั่วโมงก็ตาม
วัยเก๋าสายสังสรรค์ (คนเดียวมันเหงา ออกไปเก๋าดีกว่า)
มีสัดส่วนเป็นอันดับสี่ 14% “วัยเก๋า” สายนี้มีพฤติกรรมการใช้ชีวิต ที่ไม่ปิดการเข้าสังคมใหม่ๆ เป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดี เข้ากับคนอื่นๆได้ง่าย บางครั้งรู้สึกเหงา จึงต้องออกไปทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนๆ เช่น เต้น ร้องคาราโอเกะ และ ออกกำลังกาย เป็นต้น ซึ่งสายนี้จะมีการเปิดรับข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอผ่านสื่อ โซเชียล มีเดีย เป็นคนที่ทันโลก ทันเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา
“ร้านอาหาร” ที่วัยเก๋าสายสังสรรค์นิยมไป จะเป็นร้านแนวCafé & Bistro เน้นการสร้างความบันเทิงทั้งกายและใจ มีดนตรี สามารถร้อง(คาราโอเกะ) หรือเต้น(ลีลาศ) ไปตามจังหวะได้
วัยเก่าสายเปย์ (ของต้องครบ งบไม่อั้น)
มีสัดส่วนเป็นอันดับห้า หรือมีจำนวนน้อยที่สุด คิดเป็น 10% “วัยเก๋า” สายนี้มีพฤติกรรมการใช้ชีวิต ที่ยอมจ่ายเพื่อแลกกับความสะดวกสบายให้กับชีวิต แต่จะใส่ใจรายละเอียดของข้อมูล ข้อมูลที่ได้รับต้องมีความน่าเชื่อถือ จึงจะเลือกซื้อสินค้าและบริการนั้นๆ เน้นการท่องเที่ยวที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น ไปเที่ยวเกาะพีพี, ภูเก็ต และชอบทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนที่ต้องใช้เวลานาน ๆ เช่น ดำน้ำ ตีกอล์ฟ เป็นต้น ชื่นชอบการเดินห้างสรรพสินค้าอีกด้วย
ร้านอาหารที่เข้ากลุ่มวัยเก๋าสายนี้ จะเป็นร้านแบบ Fine Dinning ที่มีบริการแบบเต็มรูปแบบ บรรยากาศร้านหรูหรา และหน้าตาอาหารจะตกแต่งอย่างสวยงาม ที่นั่งจะสบาย ไม่ต้องรีบเร่ง เช่นภัตตาคาร 5 ดาว หรือร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ตามโรงแรม เป็นต้น
เปิดกลยุทธ์การตลาด-สื่อสารเจาะกลุ่ม ‘สูงวัย’
เจาะไลฟ์สไตล์กิน-เที่ยว‘วัยเก๋า’โอกาสทองธุรกิจ
