ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ อย่าง บมจ.แสนสิริ เป็นอีกรายที่ประกาศแผนลงทุนอสังหาฯอย่างต่อเนื่อง ภายใน 3 ปีข้างหน้าด้วยเป้าหมายยอดขายรวมถึง 1.6 แสนล้านบาท และมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างตลาด เพิ่มสินค้ากลุ่มตลาดกลางล่างมากขึ้นถึง 70% สวนทางกับคู่แข่งที่ส่วนใหญ่เน้นปรับตัวมาสู่ตลาดกลางบนมากขึ้น
ด้วยวิสัยทัศน์ FOR GREATER WELL-BEING คือเป้ามายที่แสนสิริ กำหนดทิศทางอสังหาฯยุคใหม่ ด้วยจุดเด่น ผู้นำด้านการออกแบบและสร้างนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย เพื่อรองรับกระแสผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพ-สิ่งแวดล้อม ซึ่งในปีนี้ แสนสิริเตรียมเปิดตัว “Dust-free House” บ้านปลอดฝุ่นครั้งแรกของเมืองไทย
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2561 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ถือว่าดีที่สุดของในการดำเนินธุรกิจของแสนสิริมาตลอด 34 ปีที่ผ่านมา หรือ Sansiri Best Year Ever จากความสำเร็จรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่ สูงที่สุดกว่า 65,200 ล้านบาทจาก 25 โครงการ ยอดพรีเซลปี 2561 กว่า 48,500 ล้านบาทสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดยเติบโตกว่าปี 2560 ที่อยู่ที่ 38,500 ล้านบาทถึง 25% รวมถึงยอดขายต่างชาติกว่า 14,000 ล้านบาทเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาถึง 51% หรือเติบโตกว่า 5 ปีก่อนถึง 10 เท่า โดยแสนสิริครองอันดับหนึ่งยอดขายต่างชาติสูงสุดมาต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจุบันแสนสิริยังมียอด Backlog รวมกว่า 63,500 ล้านบาทที่จะช่วยการันตียอดรับรู้รายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า
สำหรับปี 2562 แสนสิริ พร้อมเดินหน้าวิสัยทัศน์ For Greater Well-being สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนตลอดปี 2562 เ้วยการ ต่อยอดกลยุทธ์ Green & Well-being สู่ทุกโครงการใหม่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยทุกมิติ ประกาศมาตรการต่อสู้มลภาวะและฝุ่นละออง PM 2.5 อย่างจริงจัง ด้วยการเปิดตัว “Dust-free House” บ้านปลอดฝุ่นครั้งแรกในปีนี้ ตอกย้ำภาพลักษณ์ของแสนสิริ ในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
โดยแผนงานในปีนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัว 28 โครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่า 46,600 ล้านบาท ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยปรับสัดส่วนตลาด ในส่วนของสินค้าตลาดกลางล่าง เพิ่มขึ้นเป็น 70% โดยเน้นสินค้าทั้งแนวราบ และแนวสูง พร้อมวางเป้าเติบโตด้วยยอดพรีเซลรวม 3 ปี (2561 – 2564) ที่ 1.6 แสนล้านบาท
สำหรับแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 28 โครงการรวมมูลค่ากว่า 46,600 ล้านบาท ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม 12 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 22,400 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 9 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 18,700 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ 7 โครงการรวมมูลค่า 5,500 ล้านบาทโดยมุ่งเน้นเปิดตัวโครงการระดับกลาง (Medium Segment) และระดับราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น (Affordable Segment) หรือระดับกลางล่าง รวม 2 กลุ่มนีคิดเป็นสัดส่วนรวม 96% อีก 4% เป็นสินค้าพรีเมียม โดยตั้งเป้ายอดพรีเซลปีนี้ไว้ที่ 36,000 ล้านบาท และเป้าโอนรวมที่ 32,000 ล้านบาท
ตลาดนักลงทุนชะลอเน้นขายเรียลดีมานด์
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 ยังคงเติบโตแต่อาจจะชะลอตัวบ้าง ในส่วนของการซื้อเพื่อลงทุนของลูกค้าคนไทย แต่อย่างไรก็ตาม แสนสิริเชื่อว่า การซื้อเพื่ออยู่เองจะยังคงโตในระดับเดียวกับปีก่อน ทั้งนี้ จากการแข่งขันด้านราคาและการพัฒนาโครงการของทุกผู้ประกอบการในปีนี้ ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกในการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น
แสนสิริเชื่อมั่นว่าปี 2562 จะเป็นปีที่ได้เปรียบทางธุรกิจของบริษัท เพราะลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่เองจะเลือกแบรนด์ใหญ่ทที่ได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพและบริการหลังการขาย มากกว่าแบรนด์เล็กเพราะเป็นการซื้อเพื่ออยู่เองในระยะยาว นอกจากนั้น แสนสิริเชื่อมั่นว่ายอดโอนโครงการของแสนสิริในปีนี้ จะเป็นไปได้ดีตามเป้าเพราะมียอดพรีเซลที่รอการรับรู้รายได้ในระดับสูงจากลูกค้าที่มีคุณภาพและกำลังซื้อจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าชาวจีนและชาวต่างชาติ ที่วางเงินดาวน์สูง และเชื่อมั่นในศักยภาพการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อผลตอบแทนระยะยาว
นายอุทัย กล่าวว่า ปีนี้แสนสิริมองเห็นเทรนด์และความต้องการในการอยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปของคนยุคปัจจุบัน ที่มีความตื่นตัวในเรื่องการดูแลสุขภาพและปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงวางวิสัยทัศน์ For Greater Well-being เพื่อต่อยอด 2 แนวคิด Green & Well-being มาประยุกต์ใช้กับทุกโครงการใหม่ของแสนสิริ โดยจะนำร่องด้วยโครงการ เศรษฐสิริ ทวีวัฒนา บ้านเดี่ยวภายใต้คอนเซปต์ Well-being โครงการแรกของแสนสิริที่จะเปิดตัวในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้
ประเดิมเปิด ‘Wellness Residence’
รวมทั้งเตรียมเปิดขายอย่างเป็นทางการ ในส่วนของ Wellness Residence คอนโดมิเนียมสำหรับคนรักสุขภาพแห่งแรกของไทย โดยร่วมมือกับพันธมิตร คือ โรงพยาบาลสมิติเวช พัฒนาโครงการ และการให้บริการ บนทำเลกรุงเทพกรีฑา ที่จะเปิดมิติใหม่แห่งการอยู่อาศัยที่สามารถดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
และจะรุกแบรนด์ บุราสิริ มากขึ้น เพราะเล็งเห็นดีมานด์คนในกรุงเทพ ที่อยากได้บ้านสไตล์รีสอร์ตเพื่อเติมเต็มสุขภาพกายและสุขภาพใจ นอกจากนั้น แสนสิริยังวางแผนที่จะสร้างปรากฎการณ์ใหม่แก่วงการอสังหาฯด้วยการเปิดตัว “บ้านปลอดฝุ่น” หรือ Dust-free House ครั้งแรกของเมืองไทยภายในปีนี้ และประกาศนโยบายรับผิดชอบต่อสังคมอย่างจริงจัง ผ่านการลดการใช้พลังงานและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ที่สร้างผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมโลกในทุกขั้นตอน
โดยการพัฒนาโครงการใหม่ในปี้นี้ จะมุ่งเน้นกลยุทธ์ Diversification จะนำเสนอหลากหลายประเภทโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น ครอบคลุมในทุกระดับราคาและทุกทำเลทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยมีสัดส่วนการเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์เพิ่มมากขึ้น
“แสนสิริยังมุ่งมั่นที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ทั้งในประเทศและในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถครองใจลูกค้าต่างชาติได้ในทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ โดยปีนี้ได้เปิด SIRI HOUSE ที่สิงคโปร์ และที่เมืองไทย ด้วยหวังเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการถ่ายทอดประสบการณ์การใช้ชีวิตแบบแสนสิริให้ลูกค้าได้สัมผัส” นายอุทัย กล่าว และว่า แสนสิริยังมีแผนขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติมไปยังประเทศใหม่ๆ เช่นเกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม และตะวันออกกลา
พร้อมกันนี้ได้มีแผนรวมแกลุ่มแบรนด์สินค้าเป็นหมวดหมู่ โดยสินค้าระดับกลาง จะจัดอยู่ใน Sansiri Club Collection เป็นการรวมกลุ่มโครงการที่เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และ Sansiri Luxury Collection การรวมกลุ่มโครงการระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ จากฐานลูกค้าแสนสิริทั้งหมด 1 แสนราย
นอกจากนั้น ในปีนี้แสนสิริจะเดินหน้านำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในพัฒนาการดำเนินธุรกิจให้มากขึ้น เพื่อความสะดวกสบายของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำนวัตกรรมมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาความปลอดภัยในการอยู่อาศัย