“สหราชอาณาจักร” กลายเป็นประเทศแรกของโลก ที่อนุมัติให้ใช้ “วัคซีนโควิด 2 สายพันธุ์” ที่พัฒนาโดย “โมเดอร์นา” เพื่อรับมือกับไวรัสต้นกำเนิดของโรคโควิด-19 และสายพันธุ์ใหม่อย่างโอไมครอน
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า “MHRA” หน่วยงานกำกับดูแลยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ แห่งสหราชอาณาจักร ได้อนุมัติ “วัคซีนไบเวเลนต์” (bivalent) หรือวัคซีนที่ทำหน้าที่กระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน ต่อแอนติเจน 2 ตัวที่ต่างกันได้พร้อมกัน ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทเวชภัณฑ์ “โมเดอร์นา” เพื่อใช้กระตุ้นภูมิสำหรับผู้ใหญ่
การอนุมัติการใช้วัคซีนตัวนี้เกิดขึ้นหลัง MHRA พิจารณาผลการทดลองในคลินิก ที่แสดงให้เห็นว่า วัคซีนบูสเตอร์นี้กระตุ้น “การตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง” ต่อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม และสายพันธุ์โอไมครอนได้ และจากบทวิเคราะห์การทดลองที่ระบุว่า วัคซีนนี้ช่วยสร้างการตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่ดี ต่อไวรัสกลายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ได้ด้วย
MHRA ยืนยันว่า ไม่มีข้อกังวลใด ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยจากการใช้วัคซีนแบบใหม่นี้
หลังจากนี้ คณะกรรมการร่วมด้านวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกันสหราชอาณาจักร (JCVI) จะเป็นผู้พิจารณารายละเอียดทั้งหมด เพื่อออกคำแนะนำการแจกจ่ายวัคซีนนี้ต่อไป ซึ่งคาดว่า จะสามารถแจกจ่ายวัคซีนที่ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพให้สูงขึ้นนี้ ให้ใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
ขณะที่ โมเดอร์นา ระบุว่า สามารถจัดเตรียมวัคซีนได้ภายในอีก 2-3 สามสัปดาห์นับจากนี้ แต่ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า ใครจะได้รับวัคซีนเหล่านี้ก่อน
ในสหราชอาณาจักร ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด จะได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป
“วัคซีนโควิด 2 สายพันธุ์” เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
วัคซีนชนิดใหม่จากโมเดอร์นา พุ่งเป้าไปที่ไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิมและไวรัสโอไมครอนสายพันธุ์แรก หรือที่รู้จักกันในชื่อวิทยาศาสตร์ว่า บีเอ.1 (BA.1) ซึ่งเริ่มมีการกลายพันธุ์ครั้งแรกเมื่อฤดูหนาวที่ผ่านมา วัคซีนใหม่นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า วัคซีน 2 สายพันธุ์ เนื่องจากมันจะพุ่งเป้าจัดการกับไวรัสโควิด 2 สายพันธุ์พร้อม ๆ กัน
ดร.จูน เรน ผู้อำนวยการบริหารของ MHRA ชี้ว่า วัคซีนรุ่นแรกที่ฉีดในสหราชอาณาจักร ยังคงคุ้มกันโรค และรักษาชีวิตของผู้คนไว้ โดยสิ่งที่ได้จากวัคซีน 2 สายพันธุ์นี้ คือเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการปกป้องผู้คนจากโรคโควิด ในช่วงเวลาที่เชื้อไวรัสยังคงกลายพันธุ์อยู่
ผลการทดลองกับผู้ป่วย 437 คน พบว่า วัคซีนใหม่นี้มีความปลอดภัย และส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันได้ดียิ่งขึ้นต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๆ
ระดับของแอนติบอดีที่สามารถคงอยู่และไปหยุดยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสโอไมครอน (บีเอ.1) เพิ่มสูงขึ้นในผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนใหม่นี้ และจากการทดลองกับเชื้อไวรัสโอไมครอนสายพันธุ์อื่น (บีเอ.4 และ บีเอ.5) ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของการติดเชื้อระลอกใหม่ในสหราชอาณาจักร ยังพบระดับการคุ้มกันที่เพิ่มสูงขึ้น จากการใช้วัคซีนใหม่นี้ด้วย
ทางด้าน นายสเตฟาน บองเซล ซีอีโอโมเดอร์นา กล่าวว่า เขายินดีอย่างยิ่ง ที่วัคซีนผ่านการอนุมัติให้ใช้ได้ ซึ่งถือเป็นการรับรองวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด 2 สายพันธุ์ที่รวมสายพันธุ์โอไมครอนด้วยเป็นครั้งแรก
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘อังกฤษ’ ยกเลิกมาตรการคุม ‘โควิด-19’ ระบาดทั้งหมด
- เพิ่มเกราะป้องกัน!! วิจัยจีนพบวัคซีนโควิด-19 โดสกระตุ้น ‘ต่างชนิด’
- ‘ไฟเซอร์’ ยื่นเรื่อง ‘อย.สหรัฐ’ ขออนุมัติใช้ฉุกเฉิน ‘วัคซีนโควิดเด็ก 6 เดือน-4 ขวบ’