COVID-19

‘สิงคโปร์’ เลิกบังคับ ‘สวมหน้ากากอนามัย’ หลัง ‘ป่วยโควิด’ ลดต่อเนื่อง

สิงคโปร์ประกาศยกเลิกข้อบังคับสวมหน้ากากอนามัย ยกเว้นในสถานพยาบาลและระบบขนส่งสาธารณะ หลังยอดติดเชื้อโควิด-19 ลดลงต่อเนื่อง

วันนี้ (24 ส.ค.) นายลอว์เรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ แถลงว่า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคมเป็นต้นไป ชาวสิงคโปร์ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยในชีวิตประจำวัน ยกเว้นขณะอยู่ในสถานพยาบาล และระบบขนส่งสาธารณะ

นายหว่อง ระบุว่า การสวมหน้ากากอนามัยจะบังคับแค่ในสถานที่อย่างสถานพยาบาล บ้านพักคนชรา และรถพยาบาล รวมถึงสถานที่ปิดภายในโรงพยาบาล และคลินิครักษาโรค

shutterstock 1709783848

นอกจากนี้ ยังบังคับให้สวมในระบบขนส่งสาธารณะ เช่น MRT, LRT และรถโดยสารสาธารณะ รวมไปถึงภายในอาคารของระบบขนส่งสาธารณะ อย่างเช่น บริเวณจุดขึ้นรถ จุดเปลี่ยนรถ และชานชาลา

ส่วนการเดินทางด้วยพาหนะส่วนตัว รถโรงเรียน รถแท็กซี่ และภายในสนามบิน ประชาชนสามารถเลือกได้ว่าจะสวมหน้ากากอนามัยหรือไม่ ขณะที่การสวมหน้ากากอนามัยระหว่างการโดยสารเครื่องบิน จะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละสายการบินและประเทศปลายทาง

ถ้อยแถลงของนายหว่องมีขึ้นหลังจากที่นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ประกาศว่า จะผ่อนปรนข้อกำหนดเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย ระหว่างปราศรัยเนื่องในวันชาติสิงคโปร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (21 ส.ค.)

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ให้เหตุผลของการคลายข้อจำกัดการสวมหน้ากากอนามัยว่า เป็นเพราะประชาชนมีความยืดหยุ่นในการต่อต้านไวรัสมากขึ้น ทั้งจากการฉีดวัคซีน และการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งทำให้จำนวนผู้ป่วยลดลงอย่างรวดเร็ว โดยตอนนี้ผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมีอยู่ไม่ถึง 400 คน ลดลงไปกว่าครึ่งจากมากกว่า 800 คนในเดือนกรกฎาคม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo