จีนสั่งล็อกดาวน์ให้ประชาชนเกือบ 30 ล้านคนอยู่แต่ในบ้าน ในขณะที่พบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่มากกว่า 5,200 คน ทำสถิติสูงสุด นับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกในประเทศ
วันนี้ (15 มี.ค.) ทางการจีนรายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 5,280 คน เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) ถึงกว่าสองเท่า ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 120,500 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 4,600 คน ท่ามกลางสถานการณ์ที่เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนกำลังแพร่ระบาดไปทั่วประเทศ ในขณะที่จีนยังคงเดินหน้าใช้ยุทธศาสตร์ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเป็นศูนย์อย่างเข้มงวด
ล่าสุด จีนได้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบอย่างน้อย 13 เมืองทั่วประเทศ และมีอีกหลายเมืองที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นบางพื้นที่
คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีน ระบุว่า มณฑลจี๋หลิน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ที่มีพรมแดนติดเกาหลีเหนือ กำลังเผชิญกับการระบาดรุนแรงที่สุดในประเทศ โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้กว่า 3,000 คน ทางการท้องถิ่นได้สั่งให้ประชาชนในหลายเมือง รวมถึงนครฉางชุน ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลจี๋หลิน และมีประชากรราว 9 ล้านคน อยู่แต่ในบ้าน
ขณะที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีทางตอนใต้ของจีน และมีประชากรราว 17.5 ล้านคน ได้เข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์เป็นวันที่ 3 ทำให้โรงงานหลายแห่งในเมืองนี้ถูกสั่งปิด และไม่มีสินค้าวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ต
ส่วนนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของจีน ยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นบางพื้นที่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- นักวิจัยจีนพัฒนา แอนติบอดีโควิด ‘แบบสูดดม’ ต้านโควิด-19 พันธุ์เดิม-กลายพันธุ์
- การศึกษาฮ่องกงยืนยัน ‘แอนติบอดีโควิด-19’ ถ่ายทอดจากแม่สู่ทารก
- ‘จีน’ อนุมัติใช้ ‘ชุดตรวจโควิดดิจิทัล’ หาเชื้อไวรัสได้มากถึง 15 สายพันธุ์