นายกรัฐมนตรีอังกฤษ “บอริส จอห์นสัน” ประกาศยกเลิกข้อบังคับการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ การทำงานจากบ้าน และการใช้พาสปอร์ตโควิด ระบุ การระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดทั่วประเทศแล้ว
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แถลงถึงการผ่อนคลายมาตรการควบคุม และป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ว่า อังกฤษจะยกเลิกการใช้มาตรการรับมือโควิดตาม “แผนบี” (Plan B) แล้วกลับไปใช้ “แผนเอ” (Plan A) หลังรัฐบาลฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันโควิดได้ครอบคลุม และประชาชนปฏิบัติตามมาตรการเป็นอย่างดี
การผ่อนคลายดังกล่าวมีขึ้น เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดแล้ว ซึ่งนายจอห์นสัน ระบุว่า เริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้า ชาวอังกฤษจะไม่ต้องถูกบังคับให้สวมหน้ากากอนามัย หรือต้องทำงานจากที่บ้านอีกต่อไป
การยกเลิกคำแนะนำให้ประชาชนทำงานอยู่ที่บ้าน จะมีผลทันที ส่วนการยกเลิกข้อบังคับสวมหน้ากากอนามัยในโรงเรียน จะเริ่มตั้งแต่วันนี้ (20 ม.ค.) ขณะที่ข้อบังคับการสวมหน้ากากในที่สาธารณะอื่น ๆ จะสิ้นสุดลงในวันที่ 27 มกราคม เช่นเดียวกับมาตรการอื่น ๆ อาทิ การใช้พาสปอร์ตโควิดเพื่อเข้าไนต์คลับ และงานที่มีการรวมตัวขนาดใหญ่ แต่ผู้จัดงานยังสามารถที่จะเลือกบังคับใช้บัตรผ่านโควิด (โควิดพาส) ของสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นเอชเอส) ต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม ทางการยังคงแนะนำการสวมหน้ากากในพื้นที่ปิดที่มีคนหนาแน่น และโดยเฉพาะเมื่อพบปะกับคนแปลกหน้าต่อไป และประชาชนยังคงต้องถูกกักตัว หากตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19
นายจอห์นสัน ระบุด้วยว่า ในเร็ววันนี้ รัฐบาลยังมีแผนจะยกเลิกข้อกำหนดตามกฎหมายที่ให้ผู้ติดเชื้อโควิดต้องกักตัว โดยชี้ว่า หลังจากกฎข้อบังคับต่าง ๆ ว่าด้วยการกักตัวของผู้ติดโควิดที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจะหมดอายุลงในวันที่ 24 มีนาคมนี้ เขาจะไม่ต่ออายุข้อกำหนดเหล่านี้ หรือ อาจเร่งวันสิ้นสุดของข้อบังคับนี้ให้เร็วขึ้นด้วย
ผู้นำอังกฤษระบุว่า จะมีการผ่อนคลายข้อจำกัดเรื่องการเยี่ยมผู้พักอาศัยตามบ้านพักคนชราด้วย โดยนายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขจะกำหนดแผนการต่าง ๆ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
การระบาดผ่านจุดสูงสุดแล้ว
บีบีซี รายงานด้วยว่า ในการประกาศผ่อนคลายมาตรการดังกล่าว ผู้นำอังกฤษได้อ้างข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (โอเอ็นเอส) ที่แสดงให้เห็นว่า อัตราการติดเชื้อในอังกฤษกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้อาจจะมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในบางพื้นที่ แต่เหล่านักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า “มีความเป็นไปได้ว่า การระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนระลอกนี้ ได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดทั่วประเทศแล้ว”
การสำรวจของ ONS ประเมินว่า มีประชาชน 3,437,200 คนในสหราชอาณาจักรติดโควิดในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 ม.ค. 2022 ซึ่งลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีผู้ติดเชื้อ 4.3 ล้านคน
สหราชอาณาจักรรายงานยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในวันที่ 18 ม.ค.ว่า มีจำนวน 438 คน ซึ่งเป็นยอดผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดนับแต่เดือน ก.พ. ปีที่แล้ว ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 94,432 คน แต่ถือว่าลดลง 38.9% จากสัปดาห์ก่อน เช่นเดียวกับจำนวนผู้ป่วยโควิดที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก็ลดลง 2.9% เมื่อสัปดาห์ก่อน
นายจอห์นสันกล่าวว่า รัฐบาลจะกำหนดยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเชื้อไวรัสโคโรนา และเพื่อที่จะไม่ต้องใช้มาตรการควบคุมทางสังคมเพื่อสกัดการระบาดของโรคนี้อีกในอนาคต
ไม่ลาออกจากตำแหน่งจากเรื่องฉาว
นอกจากนี้ นายจอห์นสันยืนยันในวันนี้ว่า เขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง และทุกฝ่ายควรรอผลการสอบสวนต่อกรณีอื้อฉาว ที่มีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในช่วงล็อกดาวน์ว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อกฎข้อบังคับใด ๆ หรือไม่
ทั้งนี้ ประชาชนและนักการเมืองอังกฤษทั้งจากพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต่างแสดงความโกรธแค้นต่อนายจอห์นสัน หลังมีข่าวว่า เขาได้เข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ที่จัดขึ้นในสวนที่บ้านพักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 ซึ่งขณะนั้นอังกฤษอยู่ในช่วงล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19
นายจอห์นสัน ชี้แจงว่า เขารู้สึกเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว และยืนยันว่าเขาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ เพื่อแสดงความขอบคุณต่อทุกคนที่ได้ทำงานอย่างหนัก ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเขาเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า งานเลี้ยงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน
ขณะนี้ มีการตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมา นำโดยนางซู เกรย์ ซึ่งเป็นข้าราชการอาวุโส เพื่อสอบสวนกรณีดังกล่าว รวมทั้งการที่รัฐบาลอาจมีการจัดงานเลี้ยงอีกหลายครั้งหลังจากนั้นว่า เป็นการกระทำที่ละเมิดต่อกฎข้อบังคับใดๆ หรือไม่ โดยนางเกรย์จะเปิดเผยผลการสอบสวนภายในสัปดาห์หน้า
มีการคาดการณ์กันว่า หากนายจอห์นสันต้องพ้นจากตำแหน่ง ไม่ว่าจากการลาออกโดยสมัครใจ หรือถูกปลดออก ตัวเก็งที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนต่อไปคือนายริชิ ซูแนค รัฐมนตรีคลังอังกฤษ แม้ว่าที่ผ่านมาเขายืนยันว่า ไม่มีความสนใจในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ตาม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘นายกฯ อังกฤษ’ ขอโทษกลางสภา แหกล็อกดาวน์ ร่วมงานเลี้ยงที่บ้านพัก
- ‘อังกฤษ’ สังเวย ‘โอไมครอน’ 12 ศพ อีก 104 คนป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล ยังไม่ฟันธงล็อกดาวน์ก่อนคริสต์มาส
- ‘ไฟเซอร์’ คาด ‘โควิด-19’ ระบาดยืดเยื้อถึงปี 67