รัฐบาลญี่ปุ่น ประกาศใช้มาตรการกึ่งฉุกเฉิน ใน 3 จังหวัดทางตอนใต้ของประเทศ ในความพยายามที่จะควบคุม และป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น และบางรายเชื่อมโยงกับฐานทัพสหรัฐในพื้นที่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การประกาศใช้มาตรการกึ่งฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัด โอกินาวา ยามากุจิ และฮิโรชิมานั้น เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ที่รัฐบาลญี่ปุ่นยกเลิกการประกาศใช้มาตรการดังกล่าวในประเทศ ที่ดำเนินมาเกือบตลอดทั้งปี 2564
ทั้ง 3 จังหวัดดังกล่าว เป็นที่ตั้งของฐานทัพอเมริกันในญี่ปุ่นด้วย โดยฐานทัพเหล่านี้ เพิ่มความเข้มงวดในมาตรการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามคำร้องขอของทางการญี่ปุ่น หลังพบว่า การติดเชื้อในชุมชนต่าง ๆ จำนวนหนึ่ง มีต้นตอมาจากการระบาดในฐานทัพ
นายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุ่น กล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมการรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า มาตรการที่นำมาบังคับใช้ ซึ่งรวมถึง การให้ร้านอาหาร และบาร์ ปิดเร็วขึ้น และห้ามเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในงานที่มีคนจำนวนมากนั้น เป็นเรื่องที่จำเป็น เพื่อควบคุมไม่ให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ปัจจุบัน ราว 80% ของจังหวัดในญี่ปุ่น พบการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด สายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งในช่วง 24 ชั่วโมงนับถึงวันนี้ ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 2,506 ราย โดยมียอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิดทั้งสิ้น 1,739,353 ราย
ขณะที่นายชิเงยูกิ โกโตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น กล่าวว่า จำเป็นต้องเตรียมพร้อมไว้ เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยในขณะนี้ ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อโอไมครอน ที่ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ และไม่รู้ว่าติดเชื้อมาจากที่มด ทั้งไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา ก็ยังระบาดในประเทศอยู่
มาตรการใหม่นี้ จะเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ (9 ม.ค.) ไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม แต่รายละเอียดของมาตรการ จะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ญี่ปุ่น’ ใช้ ‘เซลล์นกกระจอกเทศ’ ผลิตหน้ากากอนามัย ที่ตรวจหาโควิดได้
- วิจัยญี่ปุ่นชี้ ‘โอไมครอน’ แพร่เชื้อได้เร็วกว่า ‘เดลตา’ ถึง 4.2 เท่า
- ‘ญี่ปุ่น’ พบ ผู้ติดเชื้อไวรัส ‘โอไมครอน’ รายแรกแล้ว
