ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยอินโดนีเซียชี้ว่า ชาวอินโดนีเซียกว่า 85% มีภูมิต้านทานโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่นักระบาดวิทยาเตือนว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าภูมิคุ้มกันดังกล่าว จะช่วยควบคุมการระบาดระลอกใหม่ได้หรือไม่
คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย ซึ่งได้รับมอบหมายจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ได้จัดทำการสำรวจภูมิต้านทานโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ครอบคลุมผู้ตอบแบบสอบถาม 22,000 คนในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2564 พบว่า ชาวอินโดนีเซียมากกว่า 85% สร้างภูมิต้านทานโรคโควิด จากทั้งการติดเชื้อ และการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด
ขณะนักระบาดวิทยา ที่มีส่วนร่วมในการจัดทำผลสำรวจ กล่าวว่า ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในอินโดนีเซียไม่พุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ช่วงกลางปีก่อน
ทั้งยังระบุว่า ภูมิต้านทานโควิดของชาวอินโดนีเซียอาจช่วยป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ เช่น เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ที่แพร่ระบาดติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว แต่ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในประเด็นนี้
อย่างไรก็ดี ดิคกี บูดิแมน นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยกริฟฟิท ของออสเตรเลีย ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลสำรวจดังกล่าว ระบุว่า อินโดนีเซียควรระวังผลสำรวจดังกล่าว เนื่องจากอินโดนีเซีย มีอัตราฉีดวัคซีนโควิดต่ำกว่าหลายประเทศทั่วโลก และไม่มีความแน่นอนว่า ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นในชาวอินโดนีเซียจะยืนยาวเพียงใด
ทางการอินโดนีเซียรายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนกว่า 250 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อ ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และพบการระบาดในประเทศอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับยอดผู้ป่วยติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าว ที่พุ่งสูงขึ้นในหลายประเทศ
ขณะนี้ อินโดนีเซียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 4.2 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 144,000 คน โดยมีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนครบสองโดสเพียง 42% จากประชากรทั้งหมด 270 ล้านคน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘อินโดนีเซีย’ ยกเลิกคำเตือน ‘สึนามิ’ หลังเจอแผ่นดินไหวขนาด 7.3 ใต้ทะเลลึก
- ‘อินโดนีเซีย’ เร่งเจรจา ‘เมอร์ค’ ตั้งโรงงานผลิต ‘โมลนูพิราเวียร์’ ในประเทศ
- ‘อินโดนีเซีย’ ผ่อนมาตรการคุมโควิด ไฟเขียวเปิด ‘ร้านอาหาร-ห้างสรรพสินค้า’ หลังยอดป่วยใหม่ร่วง 78%