โควิดวันนี้ 6 มกราคม 2565 นับถึงเวลา 09.00 น. ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ 298,223,894 คน รักษาตัวหายแล้ว 256,766,373 คน และมียอดสะสมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 5,481,865 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นมา 2,535,852 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 7,214 ราย
สถานการณ์ โควิดวันนี้ 6 มกราคม 2565
Worldometer เว็บไซต์รายงานข้อมูลโควิด-19 ล่าสุด ที่รวบรวมมาจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก แสดงให้เห็นว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สหรัฐพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 704,661 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมล่าสุดที่ 58,805,186 ราย และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1,802 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 853,612 ราย มากสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก
ขณะที่ในยุโรป หลายประเทศต้องรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่สูงขึ้นอย่างมาก โดยฝรั่งเศส และอิตาลี มีผู้ติดเชื้อรายวันทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ ที่ 332,252 ราย และ 189,109 ราย ตามลำดับ ขณะที่ สหราชอาณาจักร มีผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน ที่ 194,747 ราย และสเปน 137,180 ราย
สถานการณ์ระบาดในเอเชีย ที่เริ่มกลับมาพุ่งแรงอีกครั้งหนึ่ง โดยอินเดีย รายงานการพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งขึ้น 87,222 ราย หลังจากที่อยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานาน ส่วนตุรกี ก็มีผู้ติดเชื้อใหม่มากถึง 66,467 ราย และเวียดนามที่เพิ่มขึ้นถึง 17,017 ราย
ส่วนในอาเซียนนั้น กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดวันนี้ มีจำนวน 404 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,264,136 ราย สูงสุดในกลุ่มอาเซียน
อินโดนีเซีย มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 4 ราย ทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตรวม 144,109 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในอาเซียนเช่นกัน
ทางด้าน กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 10,775 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 2,871,745 ราย สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตสะสม จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ อยู่ที่ 51,662 ราย เพิ่มขึ้น 58 ราย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘สหรัฐ’ ไฟเขียว ‘ยาเม็ดรักษาโควิด’ ไฟเซอร์ รักษาที่บ้าน-ใช้กับเด็ก 12 ปีขึ้นไป
- ‘อนามัยโลก’ เตือน พายุไวรัส ‘โอไมครอน’ กำลังบุกยุโรป แนะฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์
- ศบค.เคลียร์ชัด! มาตรการเข้าประเทศล่าสุด ย้ำ! ต้องกักตัวและตรวจ RT-PCR
