ผลการศึกษาล่าสุดบ่งชี้ว่า วัคซีนของทั้ง 3 บริษัทที่ได้รับการอนุมัติจากสหรัฐซึ่งได้แก่ วัคซีนของโมเดอร์นา, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และไฟเซอร์/ไบโอเอนเทค ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน หากไม่มีการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผลการศึกษาดังกล่าวได้จากการวิจัยในห้องทดลอง ซึ่งดำเนินการโดยโรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ เจเนอรัล, มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และสถาบัน MIT ด้วยการนำเลือดจากผู้ที่ได้รับวัคซีนของทั้ง 3 บริษัทดังกล่าว มาทำการทดลองประสิทธิภาพในการต้านทาน Pseudovirus ซึ่งเป็นไวรัสที่ถูกสร้างขึ้นให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับไวรัสโอมิครอน
ทั้งนี้ ทีมวิจัยจากทั้ง 3 สถาบันพบว่า วัคซีน 2 เข็มของบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอนเทค และโมเดอร์นา รวมทั้งวัคซีน 1 เข็ม ของจอห์นสัน แอนด์ จอนห์สัน สามารถสร้างแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ (Neutralizing Antibody) ของไวรัสโอไมครอนได้ในระดับต่ำ แต่เลือดที่ได้รับจากผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ สามารถสร้างแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ของไวรัสโอมิครอนได้ดีกว่า
นอกจากนี้ ทีมวิจัยของทั้ง 3 สถาบันยังตั้งข้อสังเกตว่า ไวรัสโอไมครอนสามารถติดเชื้อได้ง่ายกว่าไวรัสสายพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งรวมถึงการแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าไวรัสเดลตาถึง 2 เท่า และมีแนวโน้มว่า ไวรัสโอไมครอนจะกลายเป็นไวรัสสายพันธุ์หลักแทนไวรัสเดลตาในไม่ช้านี้
ผลการวิจัยดังกล่าวสอดคล้องกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดของอังกฤษ ซึ่งออกรายงานเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า การฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ หรือแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 2 เข็ม อาจไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน
นอกจากนี้ ผลการศึกษาของสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของอังกฤษ (HSA) ยังพบว่า การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ หรือแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 2 เข็มให้ประสิทธิภาพต่ำในการป้องกันอาการของโรคโควิด-19 จากสายพันธุ์โอมิครอน เมื่อเทียบกับการป้องกันสายพันธุ์เดลตา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ระวัง!! วิจัยพบ โควิด-19 ‘โอไมครอน’ หลบภูมิคุ้มกันวัคซีนไฟเซอร์ได้บางส่วน
- ‘อังกฤษ’ หวั่น ‘โอไมครอน’ ระดมฉีดวัคซีนเข็ม 3 แนะทำงานอยู่บ้าน ‘ฝรั่งเศส’ บอกอาจมีเข็ม 4
- ‘หมอยง’ แนะหลักการฉีดกระตุ้นเข็ม 3 รวมทุกสูตร ย้ำต้องให้วัคซีนเร็วขึ้น สู้โอไมครอน