ผลวิจัยของญี่ปุ่นระบุว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนแพร่เชื้อในระยะเริ่มต้นได้รวดเร็วกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาถึง 4.2 เท่า ซึ่งถือเป็นการยืนยันข้อวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดที่ง่ายขึ้นของเชื้อดังกล่าว
นพ. ฮิโรชิ นิชิอูระ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกียวโต ญี่ปุ่น และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างตัวแบบเชิงคณิตศาสตร์ ของโรคติดเชื้อ ได้วิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรม ของผู้ป่วยติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน ในจังหวัดเกาเต็ง ของแอฟริกาใต้ ถึงวันที่ 26 พฤศจิกายน
การวิเคราะห์ดังกล่าว พบว่า เชื้อโควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน สามารถแพร่เชื้อได้เร็วขึ้นถึง 4.2 เท่า รวมถึงหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และจากการฉีดวัคซีนโควิดได้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยเขาได้นำเสนอผลวิจัยดังกล่าว ในที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาของกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดี ผลวิจัยดังกล่าว ยังไม่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการ และยังไม่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิทยาศาสตร์ แต่ นพ.นิชิอูระ ได้ใช้วิธีการวิเคราะห์แบบเดียวกับที่เขาเคยใช้ ในผลวิจัยเกี่ยวกับการคาดการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา ในช่วงก่อนเปิดฉากการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิก ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ใน วารสารการแพทย์ ยูโรเซอร์เวียแลนซ์ (Eurosurveillance) เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ทางการท้องถิ่นของกรุงโตเกียวรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 17 คน และมียอดผู้ป่วยติดเชื้อต่ำกว่า 50 คน ติดต่อกันเป็นเวลา 54 วัน และต่ำกว่า 30 คนเป็นเวลา 28 วัน ขณะนี้ ญี่ปุ่นมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1.7 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 18,000 คน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘อังกฤษ’ หวั่น ‘โอไมครอน’ ระดมฉีดวัคซีนเข็ม 3 แนะทำงานอยู่บ้าน ‘ฝรั่งเศส’ บอกอาจมีเข็ม 4
- ‘โมเดอร์นา’ ชี้วัคซีนที่มีอยู่ ต้าน ‘โอไมครอน’ ได้น้อย เตือนใช้เวลาหลายเดือนผลิตใหม่
- ‘กัมพูชา’ เลิกแบนนักเดินทางจาก ‘แอฟริกา’ มีผลทันที