รัฐบาลออสเตรีย ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ หลังพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสม พุ่งขึ้นมากกว่า 1 ล้านราย เตรียมออกกฎหมาย บังคับให้ประชาชนทุกคนต้องฉีดวัคซีน
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดรอบใหม่ ที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นทำให้ ทำให้รัฐบาลออสเตรีย ตัดสินใจที่จะประกาศมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันจันทร์ที่จะถึงนี้ (22 พ.ย.) เบื้องต้นรัฐบาลจะบังคับใช้เป็นเวลา 10 วัน แต่ไม่เกิน 20 วัน
การประกาศล็อกดาวน์ดังกล่าวของออสเตรีย ถือเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่แล้ว และเป็นประเทศแรกในยุโรปตะวันออก ที่ประกาศล็อกดาวน์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงในปีนี้
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการล็อกดาวน์ต่อชาวออสเตรียราว 2 ล้านคน ที่ยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน โดยประชาชนกลุ่มนี้ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน และผู้ที่ละเมิดมาตรการดังกล่าวจะถูกปรับเป็นเงิน 500 ยูโร หรือเกือบ 20,000 บาท
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนที่จะออกกฎหมายฉบับใหม่ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 กำหนดให้ชาวออสเตรียทุกคนจะต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุด แสดงให้เห็นว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ออสเตรียพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 15,809 ราย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดการระบาดในปี 2563 ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 1,027,274 ราย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘มัธยประเทศ’ รัฐแรกในอินเดีย ยกเลิกข้อจำกัดคุมโควิด-19 ทั้งหมด
- ‘เนเธอร์แลนด์’ จ่อล็อกดาวน์รอบใหม่ ชาติแรกในยุโรป
- อีกรอบ! ‘ยุโรป’ กลับมาเป็น ‘ศูนย์กลางโควิดระบาด’ รอบใหม่ ติดเชื้อเกินครึ่งของโลก