โควิดวันนี้ 11 พฤศจิกายน 2564 นับถึงเวลา 09.00 น. ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ 252,111,221 คน รักษาตัวหายแล้ว 228,179,591 คน และมียอดสะสมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 5,087,996 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นมา 536,256 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 7,874 ราย
สถานการณ์ โควิดวันนี้ 11 พฤศจิกายน 2564
Worldometer เว็บไซต์รายงานข้อมูลโควิด-19 ล่าสุด ที่รวบรวมมาจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมจำนวน 47,647,745 ราย โดยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สหรัฐรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 94,376 ราย
ขณะยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 780,102 ราย เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 1,493 ราย ยังคงเป็นอันดับ 1 ของโลก ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิตสะสม
สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศอื่น ๆ นั้น อินเดีย ประเทศที่มียอดสะสมการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มียอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิดล่าสุดที่ 34,388,579 ราย ส่วนบราซิล ในอันดับ 3 อยู่ที่ 21,911,382 ราย
สหราชอาณาจักร อันดับ 4 มียอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิด ที่ 9,406,001 ราย และ รัสเซีย ในอันดับ 5 ที่ 8,911,713 ราย
ส่วนในอาเซียนนั้น กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดวันนี้ มีจำนวน 480 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,249,323 ราย สูงสุดในกลุ่มอาเซียน
ขณะผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 14 ราย ทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตรวม 143,592 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในอาเซียนเช่นกัน
ทางด้าน กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 2,646 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 2,809,311 ราย สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตสะสม จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ อยู่ที่ 44,665 ราย เพิ่มขึ้น 99 ราย
วันนี้ คณะกรรมการของกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น ประกาศอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มที่ 3 ของบริษัทไฟเซอร์เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ให้กับประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยจะเริ่มฉีดให้กับบุคลากรการแพทย์ เป็นกลุ่มแรกตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้
การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากงานวิจัยต่างประเทศหลายฉบับบ่งชี้ว่า ระดับแอนติบอดี้ที่ป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งในทุกกลุ่มอายุ โดยข้อมูลบ่งชี้ว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนจะคงอยู่ได้ราว 6 เดือน
เมื่อบุคลากรการแพทย์ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 แล้ว ผู้ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ครบ 2 โดสก็จะสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิได้เป็นกลุ่มต่อไปภายในเดือนมกราคม 2565 ทั้งรัฐบาลญี่ปุ่นยังวางแผนที่จะเริ่มการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิ ณ สถานที่ทำงานต่าง ๆ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ด้วย
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การตัดสินใจของคณะกรรมการเป็นผลมาจากการที่ไฟเซอร์ทำการวิจัยเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันในกลุ่มประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น ประกอบกับการพิจารณาแนวทางของสหรัฐและประเทศอื่น ๆ ที่มีการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิแล้ว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อีกรอบ! ‘ยุโรป’ กลับมาเป็น ‘ศูนย์กลางโควิดระบาด’ รอบใหม่ ติดเชื้อเกินครึ่งของโลก
- ‘กัมพูชา’ ออกมาตรการเยียวยาธุรกิจฝ่าโควิด-19 รอบ 10
- ‘อินโดนีเซีย’ อนุมัติฉีดวัคซีนซิโนแวค ให้เด็ก 6-11 ปี
