องค์การยายุโรป เพิ่มอาการเกี่ยวกับระบบประสาท และกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลัน ซึ่งเป็นอาการของโรค “กิลแลง-แบร์” ที่อาจทำให้เกิดภาวะอัมพาตชั่วคราวได้ เป็นผลข้างเคียง วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่เกิดขึ้นได้ “ยากมาก”
องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (อีเอ็มเอ) ออกแถลงการณ์อัพเดทสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ล่าสุด เมื่อวานนี้ (8 ก.ย.) โดยมีการเพิ่ม “โรคกิลแลง-บาร์เร ซินโดรม” (จีบีเอส) ซึ่งทำให้ระบบประสาท และกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลัน ที่อาจทำให้เกิดภาวะอัมพาตชั่วคราว และหายใจลำบาก ไว้ในคำเตือนผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น หลังฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า
ผลข้างเคียง วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เกิดได้ยากมาก
อีเอ็มเอ ระบุว่า ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างโรคจีบีเอส กับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า มีความเป็นไปได้ที่สมเหตุสมผล หลังการตรวจสอบ นับถึงวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบผู้ป่วยโรคจีบีเอส 833 คน จากการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า 592 ล้านโดสทั่วโลก
อย่างไรก็ดี อีเอ็มเอ ได้จัดให้ผลข้างเคียงดังกล่าวอยู่ในกลุ่มที่เกิดขึ้นได้ “ยากมาก” ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด โดยสามารถเกิดขึ้นได้ในอัตราที่ต่ำกว่า 1 ราย ในทุก ๆ 10,000 คน พร้อมเน้นย้ำว่า วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงทางสุขภาพ
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา องค์การยายุโรป และ องค์การอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) ก็ได้เพิ่มคำเตือน ที่อาจเกิดโรคจีบีเอสขึ้น ไว้ในคำเตือนผลข้างเคียง ที่อาจเกิดขึ้น หลังจากฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโควิด ของแอสตร้าเซนเนก้า และ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ล้วนเป็นวัคซีนชนิดใช้ไวรัสเป็นพาหะ และมีความเชื่อมโยง ที่ทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หลังฉีดวัคซีนด้วย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘อียู’ เร่งศึกษา ‘ผลข้างเคียงใหม่’ จาก ‘วัคซีนชนิด mRNA’
- สหรัฐสั่ง ‘ไฟเซอร์-โมเดอร์นา’ เพิ่มคำเตือน ‘กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ’ ผลข้างเคียงฉีด ‘วัคซีนโควิด’
- วิจัยชี้ ฉีดวัคซีนโควิดผสม 2 เข็ม ‘แอสตร้าเซนเนก้า-ไฟเซอร์’ ผลข้างเคียงเพิ่ม