COVID-19

เตือน ‘ไทย-อินโดฯ’ ผ่อนมาตรการคุมโควิด เสี่ยงติดเชื้อพุ่งสูงรอบใหม่

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเตือน ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในไทย และอินโดนีเซีย อาจกลับมาพุ่งขึ้นสูงได้อีกครั้ง จากการเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนยังอยู่ในระดับต่ำ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา สวนทางกับสถานการณ์เมื่อปีที่แล้ว ที่มีการควบคุมการระบาดได้ดีกว่าภูมิภาคอื่น ๆ

แม้พื้นที่ส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ ยังคงมียอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง แต่ไทย และอินโดนีเซีย  2 ชาติที่อยู่ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดในภูมิภาค ได้เริ่มผ่อนมาตรการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึง การอนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารในร้าน และห้างสรรพสินค้า เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านเศรษฐกิจ

ผ่อนคลายมาตรการ

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (31 ส.ค.) อินโดนีเซีย มียอดผู้ติดเชื้อใหม่ 10,534 คน ซึ่งเป็นจำนวนต่ำกว่ายอดผู้ติดเชื้อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึง 5 เท่า ในขณะที่ไทยมียอดผู้ติดเชื้อใหม่ 14,802 คนเมื่อวานนี้ (1 ก.ย.) ซึ่งเป็นจำนวนที่ต่ำกว่าช่วงที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุด เมื่อกลางเดือนสิงหาคมถึง 37%

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การคลายมาตรการดังกล่าว มาพร้อมกับความเสี่ยง เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ และการตรวจหาเชื้อโควิดที่ยังไม่ทั่วถึง โดยมีอัตราของผู้ที่ตรวจพบเชื้อ สูงกว่าอัตราที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ เพียง 5% โดยอินโดนีเซีย มีอัตราผู้ตรวจพบเชื้อไวรัสที่ 12% และไทยอยู่ที่ 34%

กังวลผ่อนคลายมาตรการทั้งที่ยังไม่เข้าเงื่อนไข WHO

นายอภิเชค ริมาล ผู้ประสานงานฉุกเฉินภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ของสหพันธ์สภากาชาด และสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ กล่าวว่า ทางองค์กรกังวลถึงการผ่อนคลายการควบคุม ทั้งที่สถานการณ์ของทั้ง 2 ประเทศยังไม่เข้าเงื่อนไขตามที่ WHO แนะนำ โดยเฉพาะเมื่อมีการระบาดของไวรัสโควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา ที่แพร่เชื้อติดต่อกันได้ง่าย และอัตราการฉีดวัคซีนยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาจทำให้ไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดหนักอีกได้

ผ่อนคลายมาตรการ

ทั้งนี้ อินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อแล้วทั้งสิ้นกว่า 4 ล้านคนและมีผู้เสียชีวิตกว่า 133,000 คน นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของไวรัส ในขณะที่ไทยมีผู้ติดเชื้อกว่า 1.2 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิต 11,841 คน

ไทย และอินโดนีเซีย มีอัตราผู้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 อยู่ราว 30% ในขณะที่อินโดนีเซีย มีอัตราผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว 17%  ส่วนของไทยอยู่ที่ 11%  โดยกรุงจาการ์ตาและกรุงเทพมหานคร  มีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ ในประเทศมาก

ภายใต้การผ่อนคลายครั้งล่าสุดนี้ ร้านอาหารตามห้างสรรพสินค้า ในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย และพื้นที่อื่น ๆ บนเกาะชวา ที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่น สามารถเปิดให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารในร้านได้ 50%  ส่วนห้างสรรพสินค้า เปิดทำการได้ถึงเวลา 21.00 น. ในขณะที่โรงงาน เปิดทำการได้เต็มที่ 100%

ผ่อนคลายมาตรการ

ส่วนที่ กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของไทย และอีก 28 จังหวัด ที่มีการะบาดของเชื้อไวรัสโควิดอย่างรุนแรง 28 จังหวัดนั้น ร้านอาหารสามารถเปิดให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารในร้านได้ราว 50-75% โดยที่ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า สามารถเปิดทำการได้ถึงเวลา 20.00 น.

นายเดล ฟิชเชอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดอาวุโส จากโรงพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University Hospital) ระบุว่า แม้การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่การเร่งฉีดวัคซีนประชาชน ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำเช่นเดียวกัน

ที่มา : VOA

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo