“อนามัยโลก” ออกโรงเตือน “สายพันธุ์เดลตา” กำลังจะกลายเป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์หลัก ที่ระบาดไปทั่วโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เสี่ยงทำให้มีจำนวนผู้ป่วยใหม่ และผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ เพิ่มขึ้นอย่างมาก
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการตรวจพบโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา (Delta) ใน 111 ประเทศ ดินแดน หรือพื้นที่ทั่วโลก
พร้อมย้ำว่า สายพันธุ์เดลตากำลังจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดทั่วโลก ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยใหม่ และผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วโลกมี จำนวนผู้ป่วยโควิด เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
องค์การอนามัยโลก บอกด้วยว่า อัฟกานิสถาน ไนจีเรีย และเอกวาดอร์ อยู่ในกลุ่ม 15 ประเทศ ที่มีรายงานการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ครั้งแรกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมเตือนว่า สายพันธุ์เดลตามีแนวโน้มแพร่ระบาดสู่ประเทศอื่นเพิ่มขึ้น และจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักของโรคโควิด-19 “ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า”
ก่อนหน้านี้ นพ.ทีโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เคยกล่าวว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา ที่พบครั้งแรกในอินเดีย เป็นเชื้อที่อันตราย เพราะมีวิวัฒนาการ และกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง จึงต้องมีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกประเทศสามารถปรับเปลี่ยนมาตรการสาธารณสุขให้เหมาะสม
เชื้อไวรัสโควิด สายพันธุ์เดลตา กำลังแพร่ระบาดในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งมีทั้งประเทศที่ฉีดวัคซีนน้อย รวมถึงประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรไปมากแล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) คาดการณ์ว่า สายพันธุ์เดลตา คิดเป็นสัดส่วน 51.7% ของการติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทั้งหมดในสหรัฐ ในช่วงสองสัปดาห์ นับถึงถึงวันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ผงะ! ‘อินโดนีเซีย’ ยอดติดโควิดรายวันอันดับ 1 โลก หวั่นกลายเป็น ‘ศูนย์กลางระบาดใหม่’ เอเชีย
- ‘อนามัยโลก’ เตือน ‘สายพันธุ์เดลตา’ ระบาดทั่วโลก ด้วยความเร็วสูง
- จีนโต้กลับเสียงวิจารณ์ โชว์สถิติ ‘ซิโนแวค’ เป็นเลิศ!!