COVID-19

‘บิ๊กตู่’ ติดกลุ่ม 37 ผู้นำโลก ‘นักล่าเสรีภาพสื่อ’

“ผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน” เปิดรายงานฉบับล่าสุด “Press freedom predators” หรือ “นักล่าเสรีภาพสื่อ” ประจำปี 2564 โดยมีชื่อของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ติดอยู่ในกลุ่มผู้นำ 37 ชาติหรือดินแดนทั่วโลก ที่ทางกลุ่มระบุว่า เป็นผู้นำที่ปราบปรามการใช้เสรีภาพของสื่อ 

รายงานฉบับล่าสุดของกลุ่ม “ผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน”  (Reporters Without Borders : RSF) เปิดเผยออกมานี้ ระบุว่า กลุ่มผู้นำทั้ง 37 คน ที่ปรากฎอยู่ในรายงานฉบับนี้ มีพฤติกรรมกวาดล้างเสรีภาพสื่ออย่างหนัก บางรายเป็น “นักล่าเสรีภาพสื่อ” มานานกว่า 20 ปี และมีบางรายที่เพิ่งถูกจัดให้ติดอยู่ในบัญชีดำนี้ ซึ่งในจำนวนผู้นำหน้าใหม่ที่มีชื่อติดเข้าอยู่ในกลุ่มนี้เป็นครั้งแรก รวมถึง 2 ผู้นำหญิงจากฝั่งเอเชีย

คนแรกคือ นางแคร์รี หลำ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารเกาะฮ่องกง ซึ่ง RSF ระบุว่า ในช่วงเวลาที่เธอเข้ารับตำแหน่ง ผู้บริหารเกาะฮ่องกงนั้น ดินแดนแห่งนี้ ยังคงเป็นประชาธิปไตยอยู่ แต่หลังจากนั้นเธอกลายมาเป็นหุ่นเชิดให้กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน

cp predateurs last last 222

ปัจจุบันนางหลำ แสดงออกอย่างชัดเจน ถึงการสนับสนุนนโยบายด้านสื่อของจีน ที่รวมถึง การสั่งปิดหนังสือพิมพ์แอปเปิ้ล เดลี ที่ได้ชื่อว่า เป็นสื่ออิสระชั้นนำของฮ่องกง และยังตัดสินจำคุกนายจิมมี ไหล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ด้วย

ผู้นำสตรีอีกรายหนึ่ง ที่มีชื่อติดอยู่ในการจัดอันดับประจำปีนี้ คือ นางชีค ฮาซินา ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ มาตั้งแต่ปี 2552 และยังเป็นบุตรสาวของนายชีค บูจิบูร์ ราห์มาน ผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาผู้ก่อตั้งบังกลาเทศ และประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ

รายงานชี้ว่าการไล่ล่าเสรีภาพสื่อของเธอ รวมถึง การประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงดิจิทัล เมื่อปี 2561 ที่ทำให้นักข่าวและบล็อกเกอร์มากกว่า 70 คนถูกดำเนินคดี

ในส่วนของภูมิภาคเอเชีย มีชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย ติดอยู่ด้วย ร่วมกับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย และพล.อ.อาวุโส มิน ออง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้นำในการก่อรัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ของเมียนมา

RSF กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ดำเนินการเข้าควบคุมข่าวสารภายใต้ระบบที่ครอบคลุมอย่างยิ่ง และใช้การปกครอง ซึ่งสร้างความหวาดกลัวต่อบุคคลที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล

รายงาน ชี้ด้วยว่า ในช่วงหนึ่งปีเเรกของการเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาทำรัฐประหาร มีนักข่าวและบล็อกเกอร์มากกว่า 20 คนหนีไปอยู่ต่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจำคุก และว่า พล.อ.ประยุทธ์ ใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นเครื่องมือในการปราบปรามสื่อเสรีในประเทศไทย

RSF ยังพูดถึง กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ใช้สเปรย์ฆ่าเชื้อสำหรับทำความสะอาดมือ ฉีดใส่นักข่าวเมื่อวันที่ 9 มีนาคมปีนี้ เพื่อที่จะให้ผู้สื่อข่าวหยุดถามคำถาม และกรณีที่สื่อ Voice TV ถูกห้ามออกอากาศเมื่อ 2 ปีก่อน ช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง

รายงานยังอ้างด้วยว่า เป้าหมายการกวาดล้าง ของผู้นำไทย คือ ฝ่ายตรงข้ามทุกคน และว่า สื่อกระแสหลักทั้งหมดในไทย ถูกจัดการให้ต้องชื่นชมต่อนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ โดยบรรดานักข่าวต่างตระหนักดีว่า พวกเขาอาจโดนไล่ออกได้ หากไม่ยอมทำตามความต้องการของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า ไทยมีระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งคลาดเคลื่อนจากข้อมูลตามรัฐธรรมนูญไทยปัจจุบัน ที่ระบุว่าการปกครองของไทยเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo