สายพันธุ์เดลตา ระบาดลาม 96 ประเทศ องค์การอนามัยโลกเผย อัตราติดเชื้อสูงกว่าสายพันธุ์อัลฟา จนกลายเป็นสายพันธุ์หลัก ที่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุในรายงาน ความคืบหน้าด้านการแพร่ระบาดรายสัปดาห์ ว่า มีการตรวจพบโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ซึ่งพบเป็นครั้งแรกในอินเดีย ใน 96 ประเทศ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 11 ประเทศ
องค์การฯ ระบุว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์อินเดีย ซึ่งถูกเรียกว่าเป็น “ชนิดกลายพันธุ์คู่” เนื่องจากประกอบไปด้วย การกลายพันธุ์ 2 ชนิดนั้น มีอัตราการติดเชื้อ สูงกว่าสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) ซึ่งพบเป็นครั้งแรก ในสหราชอาณาจักร ถึง 55% และสามารถกลายเป็นสายพันธุ์หลัก ของการแพร่ระบาดทั่วโลก ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังมีรายงานจาก ทวีปแอฟริกา ถึงการแพร่ระบาดครั้งใหม่ในหลายพื้นที่ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์อินเดีย ขณะที่ตูนิเซีย โมแซมบิก ยูกันดา ไนจีเรีย และมาลาวี เป็นส่วนหนึ่งของ 11 ประเทศที่เพิ่งถูกเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์นี้เล่นงาน โดยยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 และผู้เสียชีวิตในแอฟริกา พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว
สำหรับเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์อินเดีย ถูกพบเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนตุลาคม 2563 โดยเกิดการกลายพันธุ์ในส่วนหนามหลายครั้ง ทำให้อัตราการแพร่เชื้อ และความทนทานต่อแอนติบอดี ชนิดลบล้างฤทธิ์ของไวรัสนั้นเพิ่มขึ้น ทั้งยังอาจต่อต้านวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้มากขึ้น
ขณะที่ ผลการศึกษาล่าสุด ของสก็อตแลนด์ ซึ่งเผยแพร่ลงบน แลนเซ็ต (Lancet) วารสารการแพทย์นานาชาติพบว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์อินเดีย มีอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล สูงกว่าสายพันธุ์อัลฟา ถึง 85%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘โมเดอร์นา’ โชว์ผลวิจัย วัคซีนต้านสายพันธุ์ ‘อินเดีย’ ได้ดี
- หุ้นเอเชียร่วง ผวาโควิดเดลตาลามหนัก ขณะทองคำลดลงเกือบ 1%
- สัญญาณระลอกสี่! ‘หมอนิธิพัฒน์’ เผย ‘ศิริราช’ พบผู้ป่วยสายพันธุ์อินเดียเกิน 50%
