คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ระบุว่า ทางการจีนได้ทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนทั่วประเทศแล้ว 406.938 ล้านโดส โดยนับถึงวันอาทิตย์ (16 พ.ค.) ขณะทางการจีนกำลังเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ประชาชน
ข้อมูลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาระบุว่า จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 7 รายในมณฑลอันฮุย ทางตะวันออกของจีน และอีก 9 รายในมณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ทั้งสองภูมิภาคได้เร่งติดตามผู้ใกล้ชิด กับผู้ติดเชื้อ และรุกตรวจหาเชื้อ ในหมู่คนจำนวนมากเพื่อพยายามป้องกันการฟื้นตัวของยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ จีนตั้งเป้าว่าจะฉีดวัคซีนให้ประชาชน 560 ล้านราย หรือคิดเป็นสัดส่วน 40% ของประชากรทั้งหมด ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งมากกว่าเป้าหมาย ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ กำหนดไว้ในระยะเดียวกันถึงกว่า 2 เท่า
จีนจะผลักดันให้สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ พนักงานธนาคาร และบุคลากรในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เข้ารับการฉีดวัคซีน หลังจากเล็งเห็นว่า การดำเนินการฉีดวัคซีนที่เป็นไปได้อย่างล่าช้า ซึ่งอาจส่งผลให้การจำกัดการแพร่ระบาดของโรค โดยใช้วัคซีนไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
จีนกำลังเผชิญกับอุปสรรคสำคัญในการระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นั่นก็คือการที่ประชาชนทั่วไปไม่เห็นความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน
อย่างไรก็ดี ความเป็นไปได้ที่ว่าประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศคู่แข่ง อย่างสหรัฐ อาจสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในกลุ่มประชากรของตน และกลับมาเปิดประเทศได้ก่อนจีนนั้น ได้ผลักดันให้จีน มีความมุ่งมั่นมากขึ้นในการเร่งระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนในประเทศ
ขณะที่ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ของไทย เปิดเผยในวันนี้ (17 พ.ค.) ว่า นับถึงเมื่อวานนี้ (16 พ.ค.) ไทยมียอดสะสมการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ที่เริ่มโครงการตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ 2,264,308 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
- จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 : 1,482,702 ราย
- จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 : 781,606 ราย
ก่อนหน้านี้ พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. เปิดเผยว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้เก็บข้อมูลตัวอย่างผู้ที่ป่วยแล้วหายจำนวน 263 ราย ตรวจภูมิคุ้มกัน พบว่า 243 ราย มีการสร้างภูมิคุ้มกัน พบมี 92.40%
พญ.อภิสมัย ระบุว่า หลังฉีดวัคซีน อว.ได้เก็บตัวอย่างทั้งแอสตร้าเซนเนก้าและซิโนแวค พบว่าทั้ง 2 กลุ่มมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น คือ 71 ราย จาก 73 รายที่ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 97.26% หลังฉีดเข็มแรก 4 สัปดาห์ ขณะที่ 196 ราย จาก 197 รายที่ฉีดซิโนแวค ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นเป็น 99.49 % หลังฉีดเข็มที่สอง 4 สัปดาห์
“ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กสรุปว่า ประชาชนที่ฉีดวัคซีน ที่พื้นเสี่ยงจะทำให้มีภูมิคุ้มกันที่มากขึ้น หากติดเชื้อก็จะไม่มีอาการหนักหรือเสียชีวิต”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- วอล์คอิน ฉีดวัคซีนโควิด ‘อนุทิน’ แจงไม่มีทางแซงคิวคนลงทะเบียน ‘หมอพร้อม’
- ‘อังกฤษ’ เริ่มคลายล็อกดาวน์ เปิดผับบาร์ เตือน! ไม่ฉีดวัคซีนเสี่ยง ‘โควิดกลายพันธุ์’
- ‘อิตาลี’ เผยวัคซีนโควิด – 19 ฉุด ‘ยอดติดเชื้อ’ ในประเทศลดฮวบ 80%