วิกฤติไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาด รุนแรงขึ้นอย่างมากในประเทศไทย ทำให้หลายจังหวัดตัดสินใจ ที่จะออกคำสั่งบังคับให้ประชาชน ต้องสวม หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เมื่อออกมาอยู่ในที่สาธารณะ โดยผู้ที่ฝ่าฝืนจะโดนปรับ สูงสุดถึง 20,000 บาท
การบังคับสวม หน้ากากอนามัย ในที่สาธารณะดังกล่าว เป็นมาตรการที่เกิดขึ้นกับหลายประเทศทั่วโลกเช่นกัน โดยเฉพาะประเทศที่มีอัตราการระบาดอย่างรุนแรง ในความพยายาม ที่จะป้องกัน และควบคุม การระบาดเอาไว้ให้ได้ ซึ่งแค่ละประเทศ ก็มีรายละเอียดปลีกย่อย จัดเก็บค่าปรับ ที่แตกต่างกันออกไป
เว็บไซต์ รัฐบาลสหราชอาณาจักร ระบุว่า หากจำเป็น ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของการขนส่งลอนดอน มีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายได้ รวมถึงการสั่งปรับ 200 ปอนด์ หรือประมาณ 8,700 บาท (ลดเหลือ 100 ปอนด์ หรือประมาณ 4,350 บาท หากจ่ายภายใน 14 วัน) ในการทำความผิดครั้งแรก
ผู้กระทำความผิดซ้ำจะถูกปรับเพิ่มเป็น 2 เท่าตัวในความผิดแต่ละครั้ง โดยหลังจากการทำผิดครั้งแรก จะไม่มีส่วนลดค่าปรับให้ ยกตัวอย่างเช่น ค่าปรับในครั้งที่สองจะอยู่ที่ 400 ปอนด์ หรือประมาณ 17,400 บาท และครั้งที่สามจะอยู่ที่ 800 ปอนด์ หรือประมาณ 34,800 บาท เพิ่มไปเรื่อย ๆ จนถึงค่าปรับสูงสุดที่ 6,400 ปอนด์ หรือประมาณ 278,400 บาท
ส่วนอินเดีย ซึ่งผู้ติดเชื้อกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะนี้ และถูกมองว่า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการหละหลวมของประชาชน ก็มีการใช้โทษปรับ สำหรับผู้ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยในช่วงเดือนนี้เช่นกัน
เว็บไซต์ข่าวหลายแห่ง รายงานว่า การรถไฟอินเดียได้ประกาศเมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมาว่า จะมีการบังคับใช้โทษปรับ 500 รูปี หรือประมาณ 209 บาท กับผู้ที่ไม่สวมหน้ากากในบริเวณพื้นที่ของการรถไฟ รวมถึงผู้ที่ไม่สวมใส่หน้ากากในขบวนรถไฟ คำสั่งนี้จะครอบคลุมระยะเวลา 6 เดือน หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงอื่น
ขณะที่รัฐบาลประจำรัฐหลายรัฐของอินเดีย ก็ออกคำสั่งบังคับใช้โทษปรับ กับผู้ที่ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยเช่นเดียวกัน
เว็บไซต์ไลฟ์มินต์ รายงานว่า รัฐบาลรัฐอุตตรประเทศ ประกาศว่า ผู้กระทำความผิดครั้งแรกจะถูกปรับ 1,000 รูปี หรือประมาณ 418 บาท แต่หลังจากนั้น ผู้กระทำผิดซ้ำจะต้องจ่ายค่าปรับ 10,000 รูปี หรือประมาณ 4,180 บาท ในแต่ละครั้ง ที่ถูกพบเห็นว่าไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย
ด้านอิสราเอล ซึ่งเป็นชาติที่มีการให้วัคซีนแก่ประชาชนในสัดส่วนที่สูงลำดับต้น ๆ ของโลก ได้ยกเลิกประกาศการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่กลางแจ้งแล้ว
เว็บไซต์อินดิเพนเดนต์ รายงานว่า อิสราเอลได้ยกเลิกข้อกำหนดให้สวมหน้ากากอนามัย ในพื้นที่สาธารณะกลางแจ้งแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา แต่ยังคงกำหนดให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากเมื่ออยู่ภายในอาคาร โดยก่อนหน้านี้ อิสราเอล เคยกำหนดค่าปรับสำหรับผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าในที่สาธารณะ ไว้ที่ราว 4,590 บาท
เช่นเดียวกับที่ ออสเตรเลีย ซึ่งหลายรัฐ พากันออกกฎ บังคับให้ประชาชนต้อง สวมหน้ากากอนามัย ตลอดเวลาที่อยู่นอกบ้าน โดยมีการกำหนดอัตราค่าปรับที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละรัฐ อาทิ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ของออสเตรเลีย ที่ออกประกาศ บังคับให้ประชาชนทุกคนสวมหน้ากากอนามัย แม้จะอยู่ในอาคารก็ตาม หากฝ่าฝืนอาจต้องจ่ายค่าปรับสูงถึง 200 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 6,300 บาท โดยยกเว้น ใหกับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และผู้ป่วยบางโรค
ทางด้านเพื่อนบ้านของไทย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยกเว้น ลาว ที่ยังไม่มีข้อมูลออกมา ก็มีการออกคำสั่งปรับ ผู้ที่ไม่ สวมหน้ากากอนามัย ในที่สาธารณะ ในอัตราที่ลดหลั่นกันไป
ตัวอย่างเช่น บรูไน ที่กำหนดค่าปรับ สำหรับผู้ที่ละเมิดกฎหมายโรคติดต่อ ไว้สูงสุดถึง 5,000 ดอลลาร์บรูไน หรือคิดเป็นเงินไทย มากกว่า 100,000 บาท ทั้งผู้ที่ละเมิดยังอาจถูกดำเนินคดี และถ้าศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง อาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 6 เดือน หรือจ่ายค่าปรับสูงสุด 10,000 ดอลลาร์บรูไน หรือทั้งจำและปรับ
ใกล้ประเทศไทยเข้ามาอีกหน่อย อย่างเวียดนาม ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว ได้ผ่านกฎหมายฉบับใหม่ออกมา กำหนดโทษปรับ สำหรับบุคคลที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย ในที่สาธารณะ ตั้งแต่ 100,000 ด่อง ไปจนสูงสุดที่ 3 ล้านด่อง ขณะที่มาเลเซีย กำหนดโทษปรับ สำหรับเรื่องนี้ ไว้ที่ 10,000 ริงกิต
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เอาให้ชัด! จ่ายค่าปรับเท่าไหร่ ไม่ใส่หน้ากากอนามัย
- รายชื่อล่าสุด ’52 จังหวัด’ ไม่ใส่หน้ากากอนามัย ออกนอกบ้าน ปรับสูงสุด 2 หมื่น
- ‘กทม.’ ตอบชัด! ครอบครัวเดียวกันนั่งในรถก็ต้อง ‘สวมหน้ากากอนามัย’ ไม่งั้นเจอโทษ
