“โรมาเนีย” พบประชาชนเกือบ 4,500 รายติดโควิด-19 หลังฉีดวัคซีน เตือนต้องปฏิบัติตามคำแนะนำเคร่งครัด
วานนี้ (23 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของโรมาเนีย ออกมาเรียกร้องผู้รับวัคซีนปฏิบัติตามมาตรการคุ้มครองสุขภาพต่อไป เนื่องจากตรวจพบผู้ติดเชื้อหลังจากรับวัคซีนเกือบ 4,500 ราย
วาเลริว เกออร์กิตา ประธานคณะกรรมการประสานงานกิจกรรมฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แห่งชาติ (CNCAV) แถลงการตรวจพบผู้ป่วยมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวกหลังรับวัคซีนโดสแรก จำนวน 3,969 ราย และหลังรับวัคซีนโดสที่ 2 จำนวน 446 ราย พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันทั้งก่อนและหลังรับวัคซีน “เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด” เนื่องจากการพัฒนาแอนติบอดีจำเป็นต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง
เกออร์กิตาชี้ว่า ผู้รับวัคซีน 0.49% มีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวกหลังฉีดวัคซีนโดสแรก และ 0.08% หลังฉีดวัคซีนโดสที่ 2 โดยกว่า 95% ของผู้ป่วยเหล่านี้ได้รับวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค (Pfizer/BioNTech)
เกออร์กิตาอธิบายว่า วัคซีนออกฤทธิ์ “อย่างน้อย 7, 10 หรือ 14 วัน หลังฉีดวัคซีนโดส 2 ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีน” โดยเน้นย้ำความสำคัญของการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน ไม่เช่นนั้นประชาชนอาจรู้สึกชะล่าใจและนำตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ทั้งนี้ โรมาเนียเริ่มต้นโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2563 ด้วยวัคซีน 3 ตัว ได้แก่ ไฟเซอร์/ไบออนเทค โมเดอร์นา (Moderna) และแอสตราเซเนกา (AstraZeneca)
ที่มาสำนักข่าวซินหัว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ถกเตรียมพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ ‘ฉีดวัคซีนโควิด’ แล้วเข้าไทย!
- วัคซีนโควิด 2 แสนโดส ถึงคลังเก็บ สธ.กระจายเข้าโรงพยาบาลปลายเดือน ก.พ.นี้
- สื่อสหรัฐแนะวิธีรับมือ ‘อาการข้างเคียง’ หลังฉีดวัคซีนโควิด-19