“อังกฤษ” เพิ่มโทษหนักคุมไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ “นักเดินทาง” แหกกฎกักตัวเจอปรับเงินอ่วม แจ้งข้อมูลเท็จมีสิทธิ์ติดคุก 10 ปี
แมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของสหราชอาณาจักร ซึ่งประกอบด้วยประเทศอังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ประกาศบทลงโทษปรับเงินและจำคุกสูงสุด 10 ปี สำหรับผู้ฝ่าฝืนกฎระเบียบการกักตัวเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์เข้าสู่ประเทศ
แฮนค็อกกล่าวต่อสมาชิกสภาล่างแห่งรัฐสภาสหราชอาณาจักรว่า ผู้เดินทางมายังสหราชอาณาจักรที่ไม่กักตัวในโรงแรมที่กำหนดต้องชำระค่าปรับ 5,000-10,000 ปอนด์ หรือราว 206,700-413,400 บาท ส่วนผู้แจ้งข้อมูลเท็จเกี่ยวกับประวัติการพำนักในประเทศตาม “บัญชีแดง” อาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี
นอกจากนั้น ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป ผู้เดินทางเข้าสหราชอาณาจักรทุกคนต้องตรวจโรคโควิด-19 ในวันที่ 2 และวันที่ 8 ของการกักตัว โดยผู้มีผลตรวจโรคเป็นบวกต้องกักตัวต่ออีก 10 วัน นับจากวันตรวจโรค ซึ่งผู้ฝ่าฝืนกฎระเบียบข้อนี้ครั้งแรกจะต้องโทษปรับ 1,000 ปอนด์ หรือราว 41,300 บาท ส่วนครั้งที่ 2 ต้องโทษปรับ 2,000 ปอนด์ หรือราว 82,600 บาท
ขณะเดียวกันผู้เดินทางมาจาก “กลุ่มประเทศตามบัญชีแดง” ต้องชำระค่ากักตัวในโรงแรม ค่าเดินทางและการตรวจโรค จำนวน 1,750 ปอนด์ หรือราว 72,300 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ โดยรัฐบาลสหราชอาณาจักรจัดสรรห้องพักของโรงแรมเพื่อการกักตัวแล้ว 4,600 ห้อง ซึ่งจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
แฮนค็อกกล่าวย้ำว่าผู้กักตัวในโรงแรมจะต้อง “อยู่แต่ในห้องและไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาอยู่ปะปนกับแขกคนอื่น ๆ” โดยสหราชอาณาจักรจัดการรักษาความปลอดภัยเพื่อควบคุมผู้กักตัวปฏิบัติตามกฎระเบียบและให้ความช่วยเหลือตามความจำเป็น
“เราต้องเสริมสร้างระบบป้องกันให้แข็งแกร่งกว่าเดิม การรับมือเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์เป็นภารกิจสำคัญยิ่ง” แฮนค็อกกล่าว
ก่อนหน้านี้สหราชอาณาจักรสั่งระงับการเข้าประเทศของผู้โดยสารที่ไม่ใช่สัญชาติสหราชอาณาจักรหรือไอร์แลนด์จาก “กลุ่มประเทศบัญชีแดง” ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ต่าง ๆ อันเป็นที่รู้จักแล้วมากกว่า 30 ประเทศ เช่น แอฟริกาใต้ โปรตุเกส และกลุ่มประเทศอเมริกาใต้
กฎระเบียบที่เข้มงวดยิ่งขึ้นนี้มาจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ โดยการทดลองหนึ่งพบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของออกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกา (Oxford-AstraZeneca) มีประสิทธิผลจำกัดในการป้องกันอาการป่วยเล็กน้อยและปานกลางจากเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ดังกล่าว
ก่อนหน้านี้แฮนค็อกระบุว่า มีหลักฐานบ่งชี้วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันมีประสิทธิผลต่อเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์อยู่บ้าง โดยเฉพาะการป้องกันอาการป่วยรุนแรงหรือการเสียชีวิต ดังนั้นโครงการฉีดวัคซีนจึงเป็น “ภารกิจสำคัญยิ่ง” ในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ ด้านกลุ่มผู้ผลิตวัคซีนพยายามพัฒนาวัคซีนที่มีศักยภาพต่อสู้กับเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์โดยเฉพาะ เพื่อยกระดับการคุ้มครองประชาชน
สถิติจากทางการสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ระบุว่ามีการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 14,104 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 3,959,784 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 333 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตรวมอยู่ที่ 112,798 ราย ซึ่งนับเฉพาะผู้ป่วยที่เสียชีวิตภายใน 28 วันหลังมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวกครั้งแรก
ที่มาสำนักข่าวซินหัว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โควิดวันนี้ 10 ก.พ. ทั่วโลกติดเชื้อ 107.3 ล้าน ‘กรีซ’ คุมระบาดไม่อยู่ สั่งล็อกดาวน์เอเธนส์
- ระวัง!! โควิดระบาดระลอก 3 หลังสายพันธุ์ผู้ดีกำลังขยายตัวไปทั่วโลก
- WHO แถลงผลเยือน ‘อู่ฮั่น’ แทบเป็นไปไม่ได้ที่ ‘โควิด-19’ จะหลุดจากห้องแล็บ