รัฐบาล สิงคโปร์ อนุมัติ ให้ใช้ วัคซีนโควิด – 19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ในประเทศได้ โดยวัคซีนชุดแรกจะเดินทางมาถึงภายในสิ้นเดือนนี้
นายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง แถลงวันนี้ (14 ธ.ค.) ว่า กระทรวงสาธารณสุข สิงคโปร์ มีมติให้ขึ้นทะเบียนรับรอง วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่พัฒนา และผลิตโดย บริษัท ไฟเซอร์ ของสหรัฐ ร่วมกับบริษัท ไบโอเอ็นเทค ของเยอรมนี โดย สิงคโปร์ จะได้รับ วัคซีนโควิด ชุดแรก ภายในสิ้นเดือนนี้
“เรื่องนี้จะทำให้สิงคโปร์ เป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรกๆ ที่จะได้รับวัคซีนต้านโควิด”
แม้ผู้นำสิงคโปร์ไม่ได้กล่าวชัดเจนว่า สั่งซื้อวัคซีนของ ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค จำนวนเท่าใด แต่ให้ข้อมูลว่ารัฐบาลทุ่มงบประมาณมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 22,000 ล้านบาท เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะไม่ได้มีเฉพาะวัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค เพียงรายเดียว
นอกจากนี้ ยังกำหนดเป้าให้ประชากรทั้งประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 5.8 ล้านคน ได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ภายในไตรมาสที่สาม ของปี 2564
ทั้งนี้ นายลี เซียน ลุง ยืนยันว่า การฉีดวัคซีนให้เป็นไปตามวิจารณญาณ และความต้องการส่วนบุคคล และพลเมืองต่างชาติ ซึ่งมีถิ่นพำนักถาวรในสิงคโปร์ สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ทางการจะให้สิทธิพิเศษ ต่อกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุดก่อน อย่าง กลุ่มด่านหน้า ที่ต้องรับมือกับการระบาด และบุคลากรทางแพทย์ รวมถึง ผู้สูงวัย และกลุ่มเปราะบาง
ปัจจุบัน สิงคโปร์มีจำนวนผู้ป่วยสะสมจากการติดเชื้อ ไวรัสโควิด-19 อย่างน้อย 58,325 คน รักษาหายแล้ว 58,208 คน และเสียชีวิตสะสมเป็นจำนวนอย่างน้อย 29 คน
ผู้นำสิงคโปร์ เปิดเผยด้วยว่า การผ่อนคลายมาตรการควบคุม และป้องกัน การระบาดของไวรัสโควิดในระยะที่ 3 ที่รอคอยกันมาเป็นเวลานาน จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 28 ธันวาคมนี้
ภายใต้การผ่อนคลายระยะล่าสุดนี้ จะอนุญาตให้มีการรวมตัวของบุคคลได้สูงสุด 8 คน เพิ่มจากปัจจุบันที่อนุญาตให้รวมตัวกันได้ไม่เกิน 5 คน และครัวเรือนต่างๆ สามารถรับแขกได้ไม่เกิน 8 คน
นายลี เซียน ลุง บอกด้วยว่า สิงคโปร์จะผ่อนคลายการจำกัดจำนวนผู้คน ตามสถานที่สาธารณะต่างๆ อาทิ ศูนย์การค้า สถานที่ท่องเที่ยว และศาสนสถาน
“เพราะความพยายามของพวกคุณ ทำให้ตอนนี้เราพร้อมที่จะเดินหน้าไปยังระยะต่อไปแล้ว โดยระยะที่ 3 จะเริ่มขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ ในวันที่ 28 ธันวาคม ทำให้ เราจะสิ้นสุดในปีนี้ ด้วยการมีข่าวดีเกิดขึ้นบ้าง”
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ยังคงเรียกร้องให้ประชาชนอย่าการ์ดตก เนื่องจากยังมีแนวโน้มสูงที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างเงียบๆ ภายในชุมชน
“พวกเราแต่ละคน ต้องทำในส่วนของตัวเอง กรุณาอย่าละทิ้งความคิดในที่จะเฝ้าระวัง และระมัดระวังตัว”
“แน่นอนว่า ยังไม่ใช่ช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลาย และปล่อยให้การ์ดตก หรือ จัดงานเลี้ยงขนาดใหญ่ โดยที่จินตนาการไปว่า ปัญหาไดหายไปแล้ว ”
ทั้งนี้ สิงคโปร์ เคยได้รับคำชมเชยจากนักวิทยาการระบาด มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ว่า ระบบตรวจเชื้อของสิงคโปร์ดีเยี่ยมจน “เกือบสมบูรณ์แบบ” จากการที่ ทางการก็เริ่มใช้แอปพลิเคชันตามรอยผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วประเทศ มีการเตือนและสื่อสารกับประชาชนเป็นอย่างดี หลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายแรกๆ ของประเทศ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้ไม่นานนัก
อย่างไรก็กี สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสิงคโปร์ กลับมารุนแรงขึ้นอีกครั้ง จากการตรวจพบ การระบาดแบบกลุ่มก้อน ของเชื้อไวรัสนี้ ในที่พักแรงงานต่างด้าวแห่งต่างๆ ที่อาศัยอยู่กัน อย่างแออัด จนทำให้รัฐบาลตัดสินใจปิดพื้นที่เหล่านี้ ไม่ให้คนเข้าออกจากหอพัก และให้แรงงานราว 10,000 คน ที่สุขภาพปกติดี ย้ายไปอยู่ที่อื่น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘เยอรมนี’ ตัดสินใจเพิ่มความเข้มข้น ‘ล็อกดาวน์’ สั่งปิดร้านค้าไม่จำเป็น
- ‘เมียนมา’ ขยายเวลา ‘คุมโควิด’ ถึงสิ้นปี-ไฟเขียว ‘บินในประเทศ’ 16 ธ.ค.นี้
- คุม ‘โควิด’ ไม่อยู่ เกาหลีใต้สั่งปิดโรงเรียนรอบใหม่
