ยักษ์ใหญ่ด้านเวชภัณฑ์ของสหรัฐ “ไฟเซอร์” เริ่มต้นการจัดส่ง “วัคซีนโควิด-19” ที่พัฒนาร่วมกับ “ไบโอเอ็นเทค” ไปยังศูนย์แจกจ่ายวัคซีนในรัฐต่างๆ ของสหรัฐแล้ว ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า จะมีการฉีดวัคซีนให้กับชาวอเมริกันกลุ่มแรก ในวันนี้ (14 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น
สตีเฟน ฮาห์น หัวหน้าสำนักงานอาหาร และยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) เปิดเผยว่า รถบรรทุกห้องเย็น สำหรับการจัดส่งวัคซีนโควิด-19 เริ่มออกเดินทางจากโรงงานของไฟเซอร์ในวันอาทิตย์ (13 ธ.ค.) พร้อมกับวัคซีนมากกว่า 184,000 โดส และคาดว่าจะมีคนอเมริกันราว 20 ล้านคน ที่ได้รับวัคซีนโดสแรกภายในเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม ฮาห์น ระบุว่า อุปสรรคสำคัญคือ มีชาวอเมริกันราว 1 ใน 4 หรือถึงประมาณครึ่งหนึ่งที่ยังลังเลกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค แม้ว่าจะผ่านการรับรองจากรัฐบาลกลางสหรัฐ แล้วก็ตาม
ด้านพล.อ.กุสตาฟ เพอร์นา หัวหน้าโครงการวัคซีน Operation Warp Speed ของรัฐบาลสหรัฐ แถลงก่อนหน้านี้ว่า ไฟเซอร์จะนำวัคซีนโควิด-19 ไปส่งยังศูนย์แจกจ่ายวัคซีนเกือบ 150 แห่ง ในวันอาทิตย์ และอีก 450 แห่งในวันพุธ (16 ธ.ค.)
ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าชาวอเมริกันราว 100 ล้านคน อาจได้รับวัคซีนภายในเดือนมีนาคม และการที่วัคซีนโควิด-19 จะได้ผล จำเป็นต้องฉีดทั้งสองเข็ม นอกจากนี้ประชากรราว 75% – 80% ต้องยินยอมเข้ารับการฉีดวัคซีน จึงจะทำให้เกิด “ภูมิคุ้มกันหมู่” ขึ้นมาได้
ขณะที่ ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ ฟิล เมอร์ฟีย์ กล่าวว่า ช่วง 6 – 8 สัปดาห์จากนี้ จะเป็นช่วงที่ยากลำบากสำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่เชื่อว่าคนอเมริกันทุกคนจะสามารถเข้าถึงวัคซีนได้ภายในเดือนเมษายน หรือพฤษภาคม
ข้อมูลจากเว็บไซต์ Worldometers แสดงให้เห็นว่า นับถึงเมื่อวานนี้ สหรัฐมียอดสะสมผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ 16,737,267 คน และมียอดสะสมผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ที่ 306,459 ราย
ทั้งนี้ เอฟดีเอสหรัฐ ได้รับรองวัคซีนโควิด-19 ของ ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ธ.ค.) โดยวัคซีนนี้ต้องเก็บในห้องเย็นจัดที่มีอุณหภูมิระดับ -70 องศาเซลเซียส และมีประสิทธิผลราว 95% ในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 โดยบุคลากรด้านสาธารณสุข และผู้สูงอายุในสถานดูแลคนชรา จะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับวัคซีนชุดแรกที่มีจำนวนเกือบ 3 ล้านโดส
ส่วนกลุ่มที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (ซีดีซี) ประชุมกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (12 ธ.ค.) และมีคำแนะนำให้ใช้วัคซีนได้กับกลุ่มประชากรอายุเกิน 16 ปี โดยจะมีการหารือกันต่อไป ก่อนที่จะรับรองว่าสามารถใช้กับประชากรอายุต่ำกว่า 16 ปี และกลุ่มสตรีมีครรภ์ได้ด้วยหรือไม่
นอกจากสหรัฐ ยังมีอีกหลายประเทศ ได้แก่ อังกฤษ แคนาดา บาห์เรน เม็กซิโก และซาอุดีอาระเบีย ได้รับรองให้ใช้วัคซีนของไฟเซอร์กับประชากรของตนได้แล้วเช่นกัน
“แคนาดา” เตือนคนแพ้ห้ามฉีด วัคซีนโควิด
กระทรวงสาธารณสุขแคนาดา ประกาศเตือนผู้แพ้ส่วนผสมใดๆ ใน วัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค (Pfizer-BioNTech) ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ว่า ห้ามรับวัคซีนดังกล่าว หลังติดตามรายงานของผู้ที่มีอาการแพ้ปานกลางต่อวัคซีน ดังกล่าวในสหราชอาณาจักร 2 ราย
ข้อมูลบันทึกไว้ว่า อาการดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 ซึ่งบุคคลทั้ง 2 เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง และต้องพกหัวฉีดอัตโนมัติสำหรับฉีดสารอะดรินาลิน โดยขณะนี้ พวกเขาได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว
แถลงการณ์ยังระบุว่า “เมื่อวัคซีนพร้อมฉีดในแคนาดา ชาวแคนาดาอาจกังขาเรื่องความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้ เนื่องจาก วัคซีน ในแคนาดาทุกตัวล้วนมีคำเตือนด้านความเสี่ยงของอาการแพ้ขั้นรุนแรง รวมถึงภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis) ซึ่งเราได้จัดเตรียมคลินิกสร้างภูมิคุ้มกัน (immunization clinic) เพื่อคอยรับมืออาการที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นยากเหล่านี้”
กระทรวงสาธารณสุขแคนาดาให้ข้อมูลส่วนผสมที่มีอยู่ในวัคซีน และกระตุ้นให้บุคคลที่เคยมีประวัติการแพ้อย่างรุนแรงต่อ วัคซีน ยา หรืออาหารใดๆ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพของตนก่อนจะรับวัคซีนดังกล่าว
พร้อมกันนี้ ยังย้ำว่าจะติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด “หากพบปัญหาด้านความปลอดภัยใหม่ๆ ที่ได้รับการยืนยัน กระทรวงฯ จะจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการสื่อสารประเด็นความเสี่ยงใหม่ๆ ต่อประชาชนแคนาดาและผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ หรือเปลี่ยนการข้อแนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์”
อย่างไรก็ดี กระทรวงชี้ว่า ไม่พบข้อกังวลด้านความปลอดภัยของวัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคที่สำคัญ อีกทั้งประโยชน์ของวัคซีนดังกล่าวยังมีมากกว่าความเสี่ยง
“ผลข้างเคียงที่สังเกตได้ในระหว่างการทดลองทางคลินิกเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรค โควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคนั้นคล้ายคลึงกับผลข้างเคียงของวัคซีนอื่นๆ รวมถึงความเจ็บปวดบริเวณจุดที่ฉีดวัคซีน อาการหนาวสั่น เหนื่อยและมีไข้ ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้จะหายเองและไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เกาหลีใต้วิกฤติโควิด-19 ติดเชื้อวันเดียวพุ่งพรวด 1,030 ราย
- อย่าลืม! ประกันสุขภาพจากโควิด-19 หักลดหย่อนภาษีได้
- เกาหลีใต้วิกฤติโควิด-19 ติดเชื้อวันเดียวพุ่งพรวด 1,030 ราย