“สหราชอาณาจักร” ผงาดชาติแรกของโลก อนุมัติการใช้ “วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19” ที่พัฒนาโดย “ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค” ในภาวะฉุกเฉิน ในช่วงเวลาที่นานาชาติ อยู่ท่ามกลางความรีบเร่ง ที่จะดำเนินโครงการฉีดวัคซีน จากการระบาดอย่างรุนแรงของไวรัสโควิด-19
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันนี้ (2 ธ.ค.) ว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาอังกฤษ สำหรับการอนุมัติการใช้งานวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พัฒนาขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง ไฟเซอร์ บริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำของสหรัฐ และไบโอเอ็นเทค คู่พันธมิตรสัญชาติเยอรมนี
การอนุมัติดังกล่าว ทำให้ในสัปดาห์หน้า สหราชอาณาจักร จะมีวัคซีนต้านโควิด-19 ให้บริการ โดยที่ผู้สูงวัย ตามสถานดูแลต่าง และบุคลากรทางการแพทย์ จะเป็นกลุ่มแรก ที่ได้รับวัคซีน
“วันนี้รัฐบาลได้ยอมรับข้อเสนอแนะจากสำนักงานกำกับดูแลยา และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (MHRA) ในการอนุมัติวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดยไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค”
ขณะที่ อัลเบิร์จ บูร์ลา ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ ไฟเซอร์ ระบุว่า การอนุมัติดังกล่าว ถือเป็น “ช่วงเวลาประวัติศาสตร์”
“การอนุมัติครั้งนี้ เป็นเป้าหมายที่เราตั้งเป้าในการทำงานของเรา ตั้งแต่ที่เราประกาศเป็นครั้งแรกว่า วิทยาศาสตร์จะเป็นฝ่ายชนะ และเราชื่นชมในความสามารถของ MHRA สำหรับการประเมินอย่างระมัดระวัง และดำเนินการอย่างทันท่วงที เพื่อช่วยปกป้องพลเมืองสหราชอาณาจักร”
ไบโอเอ็นเทค ระบุว่า การจัดส่งวัคซีนโควิด-19 จำนวน 40 ล้านโดส จะเกิดขึ้นตลอดทั้งปี 2563 และ 2564 โดยคาดว่า ภายในปีหน้าจะสามารถดำเนินการส่งมอบสำเร็จทั้งหมด
ทางด้านโฆษกกระทรวงสาธารณสุข และดูแลสังคม ของสหราชอาณาจักร ระบุว่า ในไม่ช้านี้จะได้รู้ว่า ประชากรกลุ่มไหนของประเทศ จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19
ทั้งนี้ ไฟเซอร์ และไบโอเอ็นเทค ได้ทดลองวัคซีนนี้กับคน 43,500 คน ใน 6 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐ เยอรมนี บราซิล อาร์เจนตินา แอฟริกาใต้ และตุรกี โดยเมื่อกลางเดือน พฤศจิกายนที่ผ่านมา ไฟเซอร์ได้เปิดเผยข้อมูลจากการทดลองในขั้นที่ 3 ที่บ่งชี้ว่า วัคซีนชนิดนี้ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ให้กลุ่มคนอายุ 65 ปีขึ้นไปได้ถึง 94%
ปัจจุบันสหราชอาณาจักรได้สั่งซื้อวัคซีนของไฟเซอร์ และไบโอเอ็นเทคไปแล้ว 40 ล้านโดส ซึ่งสามารถให้แก่ประชาชนได้ 20 ล้านคน เนื่องจากแต่ละคนจะต้องได้รับวัคซีนคนละ 2 โดส
นี่ถือเป็นการพัฒนาวัคซีนที่รวดเร็วที่สุด โดยใช้เวลาพัฒนาจากแนวคิดออกมาเป็นตัวผลิตภัณฑ์ภายในเวลาเพียง 10 เดือน จากปกติที่อาจต้องใช้เวลานานหนึ่งทศวรรษ
แม้จะยังไม่มีการตีพิมพ์ข้อมูลการทดลองฉบับสมบูรณ์ แต่บริษัททั้งสองระบุว่า วัคซีนชนิดนี้ไม่ส่งผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายรุนแรง พบเพียงอาการปวดศีรษะและอ่อนล้าในอาสาสมัครราว 2% ที่ได้รับวัคซีน และดูเหมือนว่าอาสาสมัครสูงวัยจะมีอาการข้างเคียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สถิติน่าเศร้า! ญี่ปุ่นฆ่าตัวตายเดือนเดียว มากกว่ายอดดับโควิดทั้งปี
- เทียบคุณสมบัติ ‘วัคซีนโควิด’ 4 บริษัท ใครดีกว่ากัน!?
- อัพเดตความคืบหน้า ‘วัคซีนโควิด-19’ ยุโรปกว้านซื้อใส่คลังเพิ่ม 160 ล้านโดส