เกาหลีใต้ เริ่มวันนี้ ปรับ 100,000 วอน ผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ในความพยายามที่จะหาทางควบคุม และป้องกัน การระบาดของเชื้อไวรัส โควิด -19 ให้ดีขึ้นกว่าเดิม
สำนักข่าวยอนฮับ ของเกาหลีใต้ รายงานว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผัน 30 วัน สำหรับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติควบคุม และป้องกันโรคติดเชื้อ ฉบับปรับปรุง ซึ่งกำหนดให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัย ขณะใช้บริการระบบขนส่งมวลชน และในที่สาธารณะ
บุคคลที่ละเมิดกฎข้อบังคับนี้ จะถูกปรับเป็นเงินสูงสุดถึง 100,000 วอน หรือราว 2,700 บาท ซึ่งสถานที่ที่ถูกบังคับให้ต้องสวมหน้ากากอนามัยนั้น รวมถึง ในที่ชุมนุมประท้วง สถานพยาบาล และศาสนสถาน
นอกจากนี้ ผู้บริหารจัดการสถานที่สาธารณะต่างๆ หรือ องค์กรที่จัดการชุมนุม จะถูกปรับเป็นเงินสูงสุดถึง 3 ล้านวอน หรือมากกว่า 80,000 บาท หากไม่สามารถควบคุมหรือจัดการให้ ผู้ที่เข้ามาใช้บริการ หรือเข้าร่วมการชุมนุม ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดไว้
อย่างไรก็ดี กฎหมายดังกล่าว ยกเว้น สำหรับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 14 ปี และผู้ที่ไม่สามารถสวมหน้ากากอนามัยได้ เพราะมีปัญหาด้านสุขภาพ
นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้บุคคลทั่วไปไม่ต้องสวมกากหน้าอนามัย ระหว่างการทำกิจกรรมที่ยกเว้นให้ อาทิ เวลาล้างหน้า รับประทานอาหาร หรือว่ายน้ำ
คำสั่งปรับดังกล่าว ยังครอบคลุมถึง ผู้ที่สวมหน้ากากอนามัย โดยที่ขอบของหน้ากากอยู่ต่ำกว่าจมูก ทั้งยังไม่นับรวม ผ้าพันคอ หรือหน้ากากบางประเภท ที่ไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ ไว้ในกลุ่มของการสวมหน้ากากอนามัยด้วย
การเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการควบคุมโรคนี้ เกิดขึ้น หลัง เกาหลีใต้ เคยได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างในการรับมือกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แต่ขณะนี้กลับมามีผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงอีกครั้ง
สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้เกิดความความกังวลว่า โรงพยาบาลในเกาหลีใต้ อาจมีเตียงไม่พอรองรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ และจะทำให้มีผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นด้วย โดยผู้ป่วยที่มีอาการหนักเหล่านี้ ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 60 หรือมากกว่านั้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่รู้กันดีว่า มีความเสี่ยงอย่างมากจากการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้
นายคิม กัง ลิป รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสวัสดิการ และสาธารณสุขเกาหลีใต้ เปิดเผยด้วยว่า รัฐบาลกำลังมีแผนที่จะสำรองเตียงในโรงพยาบาลมากกว่า 110 เตียง ไว้ สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีอาการหนักโดยเฉพาะ และจะนำแพทย์ทหารเข้ามาให้ความช่วยเหลือด้วย
นอกจากผู้ป่วยอาการหนักที่เพิ่มสูงขึ้นแล้ว เกาหลีใต้ยังพบว่ามีผู้ป่วยที่สืบหาไม่ได้ว่าติดเชื้อมาจากที่ใดเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทั่วประเทศแล้ว
‘โควิด’ ระบาดเร็วขึ้น
ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่ง มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า ยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทั่วโลกทะลุ 50 ล้านรายแล้ว เมื่อวานนี้ (8 พ.ย. 63)
ข้อมูลจากศูนย์ ระบุว่า ทั่วโลกตรวจพบผู้ป่วยโรค โควิด-19 รวมอยู่ที่ 50,052,204 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 1,253,110 ราย เมื่อนับถึง 16.24 น. ตามเวลามาตรฐานสากล (GMT)
ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 30 ล้านรายในวันที่ 17 กันยายน 2563 ก่อนจะพุ่งแตะ 40 ล้านรายในวันที่ 19 ตุลาคม 2563 ซึ่งห่างกัน 32 วัน ขณะที่ยอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจาก 40 ล้านราย แตะที่ 50 ล้านราย ในเวลาเพียง 20 วันเท่านั้น
สหรัฐ ตรวจพบผู้ป่วยสะสมและผู้ป่วยเสียชีวิตมากที่สุดในโลก ซึ่งอยู่ที่ 9,879,323 และ 237,192 ราย ตามลำดับ ขณะที่อินเดียตรวจพบผู้ป่วยสะสมสูงเป็นอันดับ 2 ของโลกอยู่ที่ 8,507,754 ราย ตามด้วยบราซิล ซึ่งตรวจพบผู้ป่วยสะสม 5,653,561 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 2 ของโลกอยู่ที่ 162,269 ราย
นอกจาก 3 ประเทศดังกล่าวแล้ว ศูนย์ฯ เผยว่าประเทศอื่นๆ ที่ตรวจพบผู้ป่วย โควิด-19 สะสมมากกว่า 1.1 ล้านราย ได้แก่ รัสเซีย ฝรั่งเศส สเปน อาร์เจนตินา สหราชอาณาจักร และโคลอมเบีย ส่วนประเทศที่มีผู้ป่วยเสียชีวิตมากกว่า 40,000 ราย ได้แก่ เม็กซิโก สหราชอาราจักร อิตาลี และฝรั่งเศส
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- OPEC คาดความต้องการ ‘น้ำมัน’ ทั่วโลกปีนี้ ลดลง 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- จีนลุยพัฒนา ‘วัคซีนโควิด-19’ หลัง ‘บราซิล’ ไฟเขียวให้กลับมาทดลองอีกครั้ง
- ‘นพ.ยง’ คาดเดือนหน้าประกาศผลระยะสุดท้าย ‘วัคซีนโควิด’
