สิงคโปร์เตรียมตั้งห้องแล็บตรวจโควิด-19 ภายในสนามบินชางงี ภายใน 2-3 เดือนนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการกักกันตัว 14 วัน เพื่อเปิดพรมแดน ต้อนรับชาวต่างชาติ และฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบิน
ออง ยี กุง รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า สิงคโปร์จะจัดตั้งห้องปฏิบัติการทดสอบโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ภายในท่าอากาศยานชางงี (Changi Airport) ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเปิดพรมแดน ต้อนรับนักเดินทางชาวต่างชาติ และฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบิน
ออง กล่าวว่าการทดสอบเพื่อตรวจโรคโควิด-19 เป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกการเดินทางทางอากาศ พร้อมคาดการณ์ว่าโรคโควิด-19 จะคงอยู่ไปอีกช่วงเวลาหนึ่ง และแนวปฏิบัติใหม่ระหว่างประเทศคือการตรวจโรคให้นักเดินทางก่อนขึ้นเครื่องบิน
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ชี้ว่า สิงคโปร์สามารถเปิดพรมแดนได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการกักกันตัว 14 วัน แต่ใช้วิธีตรวจโรคแทน โดยขณะนี้สิงคโปร์มีความสามารถตรวจโรคอยู่ที่ 27,000 คนต่อวัน และคาดว่าจะสูงแตะ 40,000 คนต่อวัน ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
นอกเหนือจากช่องทางด่วน ซึ่งจำกัดเฉพาะผู้เดินทางที่เป็นทางการและนักธุรกิจแล้ว สิงคโปร์ยังวางแผนจัดตั้งระเบียงท่องเที่ยวทางอากาศ (air travel bubble) หรือการจับคู่ด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงโรคโควิด-19 ระดับต่ำร่วมกับประเทศและภูมิภาคที่มีระบบเฝ้าระวังทางสาธารณสุขอันครอบคลุมและอัตราการติดเชื้อต่ำ โดยระเบียงท่องเที่ยวทางอากาศจะเปิดให้บริการสำหรับทุกคน แต่พวกเขาจำเป็นต้องยื่นขอบัตรผ่านการเดินทางทางอากาศก่อนออกเดินทาง
ปัจจุบันท่าอากาศยานชางงีรองรับผู้โดยสารเพียง1.5% ของปริมาณผู้โดยสารปกติในช่วงก่อนเกิดโรคระบาดใหญ่ และเปิดให้บริการเที่ยวบิน 17% ของจำนวนเที่ยวบินทั้งหมด ทั้งยังตกจากอันดับ 7 ของโลกลงไปอยู่อันดับ 58 ด้านท่าอากาศยานที่มีการหมุนเวียนของผู้โดยสารพลุกพล่านมากที่สุดด้วย
“เราจำเป็นต้องดำเนินการเชิงรุกเพื่อฟื้นฟูศูนย์กลางการบินชางงี ซึ่งถือเป็นพันธกิจสำคัญสุดของชาติ” ออง กล่าว
ที่มา:สำนักข่าวซินหัว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โควิดวันนี้ 7 ต.ค. ทั่วโลกพุ่งเกิน 36 ล้านราย ‘เมียนมา’ ทะลุ 20,000 คน
- สธ.จ่อเสนอ ‘ศบค.’ ลด ‘วันกักโรค’ โควิด ชาติเสี่ยงต่ำ
- เคาะแล้ว ‘ช้อปดีมีคืน’ ซื้อ 3 หมื่น ได้ลดหย่อนภาษี อัดฉีดเงินเข้าระบบ 1.2 แสนล้าน