โลกอ้าแขนรับข่าวดี บริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำ ประกาศความก้าวหน้าพัฒนา “วัคซีนโควิด” ทำให้มีความหวังมากขึ้น ถึงการหยุดยัั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานถึงความคืบหน้าในการพัฒนา วัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งมีบริษัทเวชภัณฑ์ และนักวิจัยหลายรายด้วยกัน ที่พากันออกมาประกาศข่าวดีถึงการพัฒนา วัคซีนโควิด
วัคซีนโควิด ‘ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค’ ตอบสนองภูมิคุ้มกัน
เมื่อวานนี้ (20 ก.ค.) ตามเวลาในสหรัฐ ไฟเซอร์ ยักษ์ใหญ่ด้านเวชภัณฑ์สหรัฐ และ ไบโอเอ็นเทค บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพเยอรมนี รายงานข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการทดลองวัคซีนโควิด-19 ที่แสดงให้เห็นว่า วัคซีนที่ทั้ง 2 บริษัทร่วมกันพัฒนาอยู่นั้นมีความปลอดภัย และสามารถเหนี่ยวนำให้เกิดการตอบสนอง ของระบบภูมิคุ้มกันได้
ผลการทดลองจากอาสาสมัคร 60 คนในเยอรมนี แสดงให้เห็นว่า ร่างกายของอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีน 2 ขนาด มีการสร้างภูมิคุ้มกัน ที่ต่อต้านไวรัสขึ้นมา เช่นเดียวกับกลุ่มอาสาสมัครที่ทำการทดลองในสหรัฐ โดยวัคซีน BNT162b1 และ BNT162b2 ถือเป็นวัคซีน 2 ตัวที่มีความคืบหน้ามากที่สุด จากทั้งหมด 4 ตัวที่ทั้ง 2 บริษัทกำลังพัฒนาอยู่
ทั้ง 2 บริษัท เปิดเผยด้วยว่า ได้ทำข้อตกลงกับรัฐบาลอังกฤษในการส่งมอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 30 ล้านโดสในปีนี้ และปีหน้า โดยจะมีการจัดส่งวัคซีนแก่รัฐบาลอังกฤษ ทันทีที่วัคซีนดังกล่าว ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในขณะนี้ ทั้งไฟเซอร์ และไบโอเอ็นเทค อยู่ระหว่างการเจรจา กับรัฐบาลหลายประเทศในการจัดส่งวัคซีนดังกล่าว โดยคาดว่าจะมีการประกาศข้อตกลงในไม่ช้า
ไฟเซอร์ และ ไบโอเอ็นเทค เปิดเผยด้วยว่า หากวัคซีนดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากสำนักงานอาหาร และยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) ทางบริษัทจะสามารถผลิตวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ และ 1,300 ล้านโดสภายในสิ้นปีหน้า
ถ้าหากผ่านการอนุมัติจากเอฟดีเอ ไฟเซอร์ และ ไบโอเอ็นเทค จะเดินหน้าทดลองวัคซีน กับอาสาสมัครจำนวน 30,000 รายภายในเดือนนี้ด้วย
‘อ็อกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกา’ ทดลองได้ผลดี
ทางด้านนักวิจัยมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ก็ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าในการทดลอง วัคซีนโควิด เช่นกัน โดยระบุว่า มีการตอบสนองในการสร้างภูมิคุ้มกันสำหรับกลุ่มอาสาสมัครที่ร่วมทำการทดลองหลายร้อยคน
นักวิจัยอังกฤษเริ่มการทดลองวัคซีนโควิด-19 ร่วมกับ แอสตราเซเนกา บริษัทเวชภัณฑ์ในสหราชอาณาจักร เมื่อเดือนเมษายน โดยเป็นวัคซีนชื่อ ChAdOx1 nCoV-19 ทดลองในกลุ่มตัวอย่างราว 1,000 คน ซึ่งครึ่งหนึ่งในกลุ่มนี้ได้รับวัคซีนเพื่อดูการตอบสนอง ทั้งในส่วนของผลข้างเคียง และการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
รายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ เดอะ แลนเซ็ทนั้น นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า วัคซีนที่ทดลองนี้ สามารถสร้างการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้ ในกลุ่มอาสาสมัครอายุระหว่าง 18 – 55 ปี
นพ. เอเดรียน ฮิลล์ ผู้อำนวยการสถาบันเจนเนอร์ มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด กล่าวว่า จากการทดลองพบว่าอาสาสมัครเกือบทุกคน ที่ได้รับวัคซีน มีการตอบสนองที่ดี โดยวัคซีนดังกล่าว จะไปช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงาน เพื่อสร้างสารภูมิต้านทาน ที่ใช้ในการป้องกันการติดเชื้อโคโรนาไวรัส
นอกจากนี้ ยังสร้างการตอบสนองในเซลล์ ที่ช่วยต่อสู้กับไวรัสชนิดนี้ด้วย
การทดสอบในขั้นต่อไปจะใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวนราว 10,000 คน ทั้งในอังกฤษ บราซิล และแอฟริกาใต้ รวมทั้ง การทดสอบแยกต่างหากในสหรัฐ ที่ตั้งเป้าว่าจะรับอาสาสมัครราว 30,000 คน
นพ.ฮิลล์ คาดหวังว่าจะสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลเพียงพอสำหรับการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 นี้ได้ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อตัดสินใจว่าจะแจกจ่ายในวงกว้างได้หรือไม่
“โมเดอร์นา” ส่งสัญญาณดี วิจัยระยะ 2
ก่อนหน้านี้ โมเดอร์นา บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติอเมริกัน ก็ออกมาเปิดเผยว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในระยะทดลอง ที่บริษัท ร่วมพัฒนา กับนักวิจัยสถาบันโรคภูมิแพ้ และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐ ก็ส่งสัญญาณที่ดีในการสร้างภูมิต้านทานเช่นกัน
ขณะนี้ ทางโมเดอร์นา กำลังทำการวิจัย วัคซีนโควิด ระยะที่ 2 อยู่ในอาสาสมัครกลุ่มใหญ่ขึ้น และจะทดลองวัคซีนระยะที่สามในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ ในกลุ่มอาสาสมัคร 30,000 คน ซึ่งถือเป็นกลุ่มอาสาสมัครทดลองวัคซีนโควิด-19 ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- มีหวัง!! วัคซีนป้องกันโควิด เริ่มทดลองในคนแล้ว 23 ชนิด ทดลองในสัตว์ 140 ชนิด
- วัคซีนโควิด-19’ ไม่ง่าย! ‘นพ.ยง’ เลคเชอร์การพัฒนายาใหม่ใช้เวลาเป็น 10 ปี
- ‘โมเดอร์นา’ ประกาศความสำเร็จ ‘วัคซีนต้านโควิด’ เริ่มทดลองขั้นสุดท้ายในคน 27 ก.ค.นี้
