COVID-19

เปิดมาตรการทั่วโลก เยียวยา ‘ประชาชน-ธุรกิจ’ เจอผลกระทบ ‘โควิด-19’

การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ทำให้บรรดาประเทศ และดินแดนต่างๆ ต้องพากันประกาศมาตรการที่เข้มงวดออกมา เพื่อควบคุม และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และมาตรการหลักที่แทบทุกแห่งนำมาใช้คือ “ล็อกดาวน์” ทั้งแบบปิดแค่เมือง หรือปิดทั้งประเทศ

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นมาตรการที่ได้ผลค่อนข้างดี แต่การปิดเมืองปิดประเทศเช่นนี้ ก็ทำให้กิจกรรมเกือบทั้งหมดหยุดชะงักไป และแน่นอนว่า ต้องส่งผลกระทบต่อทั้งประชาชนทั่วไป และภาคธุรกิจ ทำให้บรรดาประเทศ และดินแดนต่างๆ ต้องดำเนินนโยบายให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งจากการระบาด และการล็อกดาวน์ ที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกเสียหายอย่างยับเยิน

มาดูกันว่า แต่ละประเทศ มีมาตรการช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเสียหายอย่างรุนแรงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้อย่างไรบ้าง

cover 09 0

จีน

มาตรการที่จีนนำออกมาใช้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 มีทั้งในระดับท้องถิ่น และระดับประเทศ ทั้งแบบในวงกว้าง และจำกัดเฉพาะกลุ่ม

  • ลดราคาน้ำมันค้าปลีกทั้งเบนซินและดีเซล
  • รัฐบาลเมืองฝอซาน ประกาศอุดหนุนการซื้อรถคันแรกเป็นเวลา 1 ปี
  • มณฑลเจียงสี แจกคูปองส่วนลดให้ประชาชนที่เดินทางมาท่องเที่ยวเที่ยว
  • มอบเงินช่วยเหลือคนตกงาน
  • จัดตั้งบริษัทหางานออนไลน์ที่มีตำแหน่งงานรองรับกว่า 10 ล้านตำแหน่ง เพื่อสนับสนุนการจ้างงานและให้ภาคธุรกิจกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ
  • มณฑลเจียงสี ให้เพิ่มวันหยุดเป็น 2.5 วัน และลดจำนวนชั่วโมงการทำงานต่อวันลง แต่สามารถไปทำวันอื่นเพิ่มได้
  • คืนภาษีให้ธุรกิจขนาดกลาง และย่อม (เอสเอ็มอี) ที่เลิกจ้างพนักงานน้อยกว่า 5.5%
  • ลดค่าเช่าให้ เอสเอ็มอี ที่ต้องหยุดการผลิตตามคำสั่งของรัฐ ภายใต้เงื่อนไขต้องไม่เลิกจ้างพนักงาน
  • ยกเว้นการส่งเงินสมทบในสวัสดิการต่างๆ ให้แก่บริษัทขนาดใหญ่ เป็นเวลาไม่เกิน 5 เดือน และยกเว้นให้เอสเอ็มอี ไม่เกิน 3 เดือน
  • ลดการเก็บเงินทุนสำรองเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลของพนักงานบริษัทเอกชนลง 50% (ไม่เกิน 5 เดือน)
  • ผ่อนผันระยะเวลาชำระหนี้ให้บริษัททุกแห่งในมณฑลหูเป่ย์ และกรุงปักกิ่ง ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยไม่คิดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากการผิดนัดชำระหนี้
  • ลด VAT 5% ให้ธุรกิจขนาดเล็กในมณฑลหูเป่ย์ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึงปลายเดือนพฤษภาคม 2563
  • ลดค่าธรรมเนียมให้กับผู้ส่งออก อาทิ ค่าปรับจากการสำแดงสินค้าล่าช้า และชำระค่าธรรมเนียมล่าช้า
GettyImages 1193183155
แฟ้มภาพ

สหรัฐ

  • คนโสด ที่มีรายได้น้อยกว่า 75,000 ดอลลาร์/ปี (ประมาณ 2.4 ล้านบาท) จะได้รับเงินจากรัฐบาล 1,200 ดอลลาร์(ประมาณ 38,400 บาท) แต่หากมีรายได้มากกว่า 75,000 ดอลลาร์/ปี แต่ไม่ถึง 100,000 ดอลลาร์/ปี ก็ยังได้รับเงินลดหลั่นลงมา
  • คนมีครอบครัว ที่มีรายได้น้อยกว่า 150,000 ดอลลาร์/ปี (ประมาณ 4.8 ล้านบาท) ได้รับเงิน 2,400 ดอลลาร์ (ประมาณ 38,400 บาท)
  • บ้านที่มีบุตรอายุต่ำกว่า 17 ปี จะได้รับเพิ่ม 500 ดอลลาร์/คน (ประมาณ 16,000 บาท)
  • คนว่างงาน จะได้รับเพิ่มอีก 600 ดอลลาร์/สัปดาห์ เป็นเวลา 4 เดือน (ประมาณ 19,200 บาท/สัปดาห์)
  • แจกเงิน 1,500 ดอลลาร์/คน (ประมาณ 48,000 บาท) ให้กับทุกคนที่มีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี โดย 1 ครอบครัว จะได้รวมกันสูงสุดไม่เกิน 5 คน หรือไม่เกิน 7,500 ดอลลาร (ประมาณ 240,000 บาท)
  • เจ้าของบ้าน/อสังหาริมทรัพย์ให้เช่า ที่มีเงินกู้ค้ำประกันกับรัฐ จะได้รับการเลื่อนชำระนาน 90 วัน โดยมีข้อแม้ว่า ต้องไม่ขับไล่ผู้เช่า หากไม่ได้ค่าเช่าหรือค่าธรรมเนียม เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัย
  • พักชำระหนี้เพื่อการศึกษาได้ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563
  • ถ้าต้องลาป่วยเพราะโควิด เป็นเวลา 2 สัปดาห์ จะได้รับค่าจ้างตามปกติ ถ้า 10 สัปดาห์ จะได้รับค่าจ้าง 2 ใน 3
  • ขยายระยะเวลาการชำระภาษีเงินได้ประจำปี 2562 ออกไป 3 เดือน จากวันที่ 15 เมษายน 2563 เป็น 15 กรกฎาคม 2563 สำหรับยอดการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์ และภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์
  • จัดสรรเงินกู้วงเงิน 3.67 แสนล้านดอลลาร์ ให้กับธุรกิจ SMEs
  • เพิ่มสภาพคล่องทางการเงินสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อให้บริษัทเหล่านี้สามารถออกหุ้นกู้ หรือ rollover ของบริษัทออกไปได้ผ่านตลาดตราสารหนี้
  • นำโครงการเข้าซื้อตราสารหนี้ระยะสั้นที่ใช้ในสมัยวิกฤตการเงินปี 2551 มาใช้ใหม่ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในธุรกิจและหล่อเลี้ยงสภาพคล่องให้กับสินเชื่อประเภทต่าง ๆ
  • รับซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้นที่มีอายุน้อยกว่า 270 วัน (Commercial Paper) เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้

ita123

อิตาลี

  • เลื่อนจ่ายค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซ รวมทั้งค่าเช่าที่อยู่อาศัยของครัวเรือนออกไป
  • จ่ายค่าชดเชย 50% ของเงินเดือน ให้พ่อแม่ที่ใช้สิทธิ์ลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร (Parental Leave) สำหรับครอบครัวที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี
  • แจกคูปองให้ลูกจ้างในภาคการท่องเที่ยว คนละ 600 ยูโร (ประมาณ 21,300 บาท)
  • ลดหย่อนภาษีและเลื่อนการจ่ายเบี้ยประกันให้กับผู้มีรายได้รวมต่ำกว่า 2 ล้านยูโรต่อปี รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปิดเมือง โดยให้มีผลถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563
  • ลดหย่อนภาษีให้กับธุรกิจที่มีรายได้รวมต่ำกว่า 2 ล้านยูโรต่อปี รวมทั้งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปิดเมือง อาทิ ร้านค้า ร้านอาหาร โดยให้มีผลถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563
  • อนุญาตให้พักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยถึงวันที่ 30 กันยายน 2563
  • จัดสรรงบประมาณมูลค่ากว่า 4 พันล้านยูโร ให้แก่หน่วยงาน SACE (state-owned export credit agency) เพื่อสนับสนุนธุรกิจส่งออกและขาดสภาพคล่อง

สเปน

  • ช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ประปา อินเทอร์เน็ต และค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ให้บริการทั่วถึงแก่ประชาชนทุกคน
  • กำลังพิจารณาจ่ายเงินเดือนพื้นฐาน ให้ประชาชน 47 ล้านคน
  • ลดหย่อนภาษีให้กับผู้ที่ตกงานหรือผู้ที่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป แล้วได้รับผลกระทบจากโควิด 19
  • จ่ายเงินให้พนักงานของบริษัทที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 75% ของเงินเดือน
  • ลดหย่อนภาษีให้กับผู้ประกอบการรายย่อย
  • รัฐบาลจ่ายเงินสมทบประกันสังคมให้พนักงานแทนบริษัทที่เป็น SMEs เต็มจำนวน แต่กรณีที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่กว่า SMEs รัฐบาลจะจ่ายให้ในสัดส่วน 75%
  •  จัดสรรงบประมาณมูลค่ากว่า 4 พันล้านยูโร ให้แก่หน่วยงาน SACE (state-owned export credit agency) เพื่อสนับสนุน SMEs ที่เป็นธุรกิจส่งออกและขาดสภาพคล่อง

GettyImages 1207188620

เยอรมนี

  • รัฐบาลจ่ายเงินค่าจ้างบางส่วนให้พนักงานที่สูญเสียรายได้จากชั่วโมงการทำงานที่ลดลง และหากพนักงานมีบุตรด้วย จะได้เงินสนับสนุนเป็นสัดส่วน 67% โดยการจ่ายค่าจ้างช่วยเหลือนี้ ครอบคลุมไปถึงพนักงานชั่วคราว (temporary worker) และพนักงานประจำ
  • รัฐบาลช่วยจ่ายเงินสมทบประกันสังคมเต็มจำนวนให้พนักงานจนถึงสิ้นปี 2564 จากเดิมกำหนดให้บริษัทเอกชนต้องเป็นผู้จ่ายให้พนักงาน
  • รัฐบาลท้องถิ่น (state government) อาทิ แคว้นบาวาเรีย มีแผนการจ่ายเงินโดยตรงให้แก่ SMEs รายเล็ก เพื่อเยียวยาผลกระทบอย่างเร่งด่วน เป็นจำนวนเงิน 5,000-30,000 ยูโรต่อราย (ประมาณ 178,000-1,070,000 บาท)
  • ปรับกฎเกณฑ์ทางภาษีให้ยืดหยุ่นขึ้น อาทิ อนุมัติให้บริษัทเอกชนที่ได้รับผลกระทบเลื่อนการจ่ายภาษีออกไปได้ และไม่คิดเบี้ยปรับภาษีจนถึงสิ้นปี 2563
  • สนับสนุนสภาพคล่องให้กับบริษัทเอกชน โดยผ่อนคลายกฎเกณฑ์ของโครงการปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทเอกชน และโครงการปล่อยสินเชื่อให้กับสตาร์ทอัพที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี

ฝรั่งเศส

  • ครอบครัวที่ได้รับเงินช่วยเหลือประเภท Revenu de solidarité active (RSA) หรือ Allocation de solidarité spécifique (ASS) จะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกครอบครัวละ 150 ยูโร (ประมาณ 5,300 บาท) และอีก 100 ยูโร (ประมาณ 3,500 บาท) ต่อบุตร 1 คน
  • ครอบครัวที่ได้รับเงินช่วยเหลือเกี่ยวกับที่พักอาศัย หรือเงินช่วยเหลือผู้พิการ จะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 100 ยูโร (ประมาณ 3,500 บาท)
  • กรณีสูญเสียรายได้จากชั่วโมงการทำงานที่ลดลง จะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลในสัดส่วนที่มากขึ้น โดยครอบคลุมพนักงาน ทั้งพนักงานประจำ พนักงานชั่วคราว รวมถึงพาร์ตไทม์มากขึ้น
  • อนุญาตให้บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 เลื่อนการจ่ายเงินสมทบประกันสังคม และการจ่ายภาษี
  • บริษัทที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สามารถแสดงความจำนงเพื่อขอภาษีคืนได้
  • อนุญาตให้บริษัทที่ได้รับผลกระทบ สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการคลังและรัฐบาลฝรั่งเศส โดย BPI France (หน่วยงานที่สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับบริษัทต่าง ๆ ในฝรั่งเศส) เป็นผู้ค้ำประกันสินเชื่อ
  • ไม่มีบทลงโทษสำหรับบริษัทที่ได้รับผลกระทบ หากเกิดการผิดนัดชำระหนี้กับคู่สัญญาที่เป็นรัฐ

lockdown uk 21

อังกฤษ

  • อนุโลมให้ผู้เช่าที่อยู่อาศัยจ่ายค่าเช่าบ้านได้ต่ำสุดที่ 30% ของค่าเช่าบ้านในแต่ละเขต มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563
  • หากกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สามารถขอยกเว้นการผ่อนชำระได้ 3 เดือน
  • รัฐช่วยจ่ายเงินเดือนแทนนายจ้างที่ถูกพักงาน หรือปิดกิจการจากโควิด 19 สูงสุด 80% ของเงินเดือนที่เคยได้ แต่ไม่เกิน 2,500 ปอนด์ (ประมาณ 100,000 บาท) เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2563
  • ชดเชยรายได้ให้ลูกจ้างที่ต้องกักตัว 14 วัน หรือป่วยโควิด 19 สัปดาห์ละ 95.85 ปอนด์ (ประมาณ 3,900 บาท) สูงสุด 28 สัปดาห์
  • เลื่อนการจ่ายภาษีให้บุคคลที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
  • หากยื่นภาษีจะได้รับคืนภาษีเพิ่มขึ้นสัปดาห์ละ 20 ปอนด์ (1,040 ปอนด์ต่อปี)
  • สนับสนุนเงินทุนให้ธนาคารพาณิชย์ เพื่อกระตุ้นให้ปล่อยสินเชื่อกับกลุ่ม SMEs
  • ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ จากเดิม 1% เป็น 0% เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์มีความสามารถในการปล่อยสินเชื่อมากยิ่งขึ้น
  • ช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดเล็ก โดยการยกเว้นค่าธรรมเนียม 1 ปี, ให้เงิน 3,000 ปอนด์ (ประมาณ 120,000 บาท) กับธุรกิจขนาดเล็กประมาณ 7 แสนบริษัท
  • จ่ายเงินชดเชยให้กับธุรกิจ SMEs ที่มีพนักงานไม่เกิน 250 คน และให้กับผู้ติดเชื้อหรือผู้ที่ต้องกักกันตัวเองเพื่อรอดูอาการ โดยจะได้รับเงินชดเชยเป็นเวลา 2 สัปดาห์
  • ธุรกิจขนาดใหญ่สามารถขอสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารกลางอังกฤษได้
  • ยกเว้นเก็บ Business rate tax เป็นเวลา 1 ปี
  • เลื่อนการจ่ายภาษี VAT ของภาคธุรกิจและภาษีรายได้ออกไป

200410012907

ออสเตรเลีย

  • แจกเงินให้ผู้ที่รับสวัสดิการของรัฐ เช่น มีผู้รายได้น้อย ผู้พิการ ผู้รับเงินบำนาญ จำนวน 750 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 15,000 บาท) โดยจ่าย 2 ครั้ง ในเดือนมีนาคม และกรกฎาคม 2563
  • แจกเงิน 550 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 11,000 บาท) ทุก 15 วัน ให้กับคนตกงาน เกษตรกร ฯลฯ เป็นระยะเวลา 6 เดือน
  • อนุญาตให้ถอนเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อการเกษียณอายุได้ก่อนกำหนด 20,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 400,000 บาท) โดยไม่ต้องเสียภาษี
  • ผ่อนคลายเกณฑ์กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและประกันสังคม
  • รัฐบาลช่วยจ่ายเงินเดือนให้พนักงานคนละ 1,500 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 30,000 บาท) ทุก 2 สัปดาห์ สูงสุด 6 เดือน โดยบริษัทนั้นต้องมีรายได้ไม่เกิน 1,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย และต้องมีรายได้ลดลงอย่างน้อย 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่หากเป็นบริษัทที่มีรายได้เกิน 1,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย จะต้องมีรายได้ลดลงอย่างน้อย 50%
  • ให้เงินทุนธุรกิจ SMEs และ NGOs สูงสุด 100,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 2 ล้านบาท)
  • ค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ให้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 จำนวน 50% ของวงเงินสินเชื่อ พร้อมทั้งเร่งกระบวนการพิจารณาสินเชื่อให้เร็วขึ้น
  • ให้เงินช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน (สายการบินและสนามบิน)
  • จัดงบประมาณช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่กลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ได้แก่ ท่องเที่ยว เกษตร และการศึกษา โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมและช่วยหาตลาดใหม่

saaaa

ญี่ปุ่น

  • แจกเงิน 1 แสนเยน (ประมาณ 30,000 บาท) ให้ประชาชนทุกคน
  • ให้ประชาชนสามารถกู้เงินฉุกเฉินได้คนละ 100,000-200,000 เยน (ประมาณ 30,000-60,000 บาท) โดยไม่คิดดอกเบี้ย
  • คืนเงินอาหารกลางวันให้ผู้ปกครองภายหลังการปิดโรงเรียน จนถึงเดือนเมษายน 2563 และดูแลธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
  • ให้เงินช่วยเหลือลูกจ้างประจำ และลูกจ้างชั่วคราวที่ได้รับผลกระทบ สูงสุด 8,330 เยน/วัน (ประมาณ 2,500 บาท) และให้เงินช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือรับจ้างทั่วไปที่ได้รับผลกระทบ 4,100 เยน/วัน (ประมาณ 1,200 บาท)
  • ปล่อยสินเชื่อเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 โดย Japan Federation of Credit Guarantee Corporations (JFG) จะช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้
  • ธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศใช้ “Special Funds-Supplying Operations” (Special Operations) เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ โดยไม่มีการคิดอัตราดอกเบี้ย เป็นเวลา 1 ปี

เกาหลีใต้

  • แจกเงินครัวเรือนละ 1 ล้านวอน (ประมาณ 27,000 บาท) ยกเว้นครัวเรือนที่มีรายได้สูงประมาณ 30% ของครัวเรือน
  • ลดภาษีรถยนต์ส่วนตัว 70%
  • แจกบัตรของขวัญจำนวน 3.5 ล้านล้านวอน ให้ประชาชน เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น
  • กระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น แจกเงินผ่าน paychecks
  • ให้วันหยุดเลี้ยงดูเด็กในแต่ละครัวเรือน จำนวน 5 วัน โดยอุดหนุนเงินให้ 50,000 วอนต่อวัน (ประมาณ 1,300 บาท)
  • เพิ่มเงินเดือน 20% ให้ผู้สูงอายุ (ในโครงการของรัฐบาล) หรือเพิ่มเป็น 30% หากรับผ่าน local gift certificates
  • บ้านไหนที่เลี้ยงดูลูกเองที่บ้านแทนการใช้บริการสถานเลี้ยงเด็ก จะได้รับงบประมาณการเลี้ยงดูเด็กเพิ่ม
  • คืนเงินที่ใช้ซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน 10% หากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากประหยัดไฟ
  • เพิ่มเบี้ยยังชีพสำหรับผู้หางานอายุน้อย และรื้อฟื้นการให้เบี้ยยังชีพแก่ผู้หางานที่มาจากครัวเรือนรายได้ต่ำ รวมทั้งส่งเสริม job training
  • จ่ายค่าลาหยุดโดยที่ยังได้รับค่าจ้าง (paid leave) อุดหนุนบริษัทที่มีพนักงานลาหยุดเพื่อกักตัว 14 วัน
  • ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ SMEs โดยลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เหลือ 0.25%, ค้ำประกันสินเชื่อผ่านกองทุน Korea Credit Guarantee Fund และ Korea Technology Finance Co., ลงทุนในกองทุนค้ำประกันให้แก่ลูกหนี้ และช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับธุรกิจส่งออก
  • ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจขนาดเล็ก
  • ให้เงินอุดหนุนผู้ประกอบการรายย่อยจ่ายเงินเดือนพนักงาน
  • ช่วยเหลือร้านค้าขนาดเล็กที่มีผู้ติดเชื้อแวะเข้าไปในพื้นที่ เมื่อกลับมาเปิดทำการเป็นปกติ
  • ให้การอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการป้องกันเพลิงสำหรับเจ้าของที่ หรือผู้ให้เช่าตลาดพื้นเมือง (traditional market) หากผู้ให้เช่าลดค่าเช่าอย่างน้อย 20% ของทั้งพื้นที่
  • ช่วยเหลือทางการเงินให้ธุรกิจส่งออก

hk1

ฮ่องกง

  • แจกเงินให้ประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 42,000 บาท)
  • ผู้เช่าที่อยู่อาศัยในอสังหาฯ ที่เป็นของรัฐ จะได้รับส่วนลดค่าเช่า 75%
  • สร้างงาน 30,000 ตำแหน่ง รวมถึงงานราชการและฝึกงาน
  • เพิ่มเบี้ยเลี้ยงรายเดือนให้ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยเป็น 2 เท่า
  • ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า MTR 20% เป็นเวลา 6 เดือน
  • พนักงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 จะได้รับเงินชดเชย 50% เป็นเวลา 6 เดือน สูงสุดไม่เกิน 9,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 38,000 บาท)
  • เลื่อนจ่ายภาษีออกไปอีก 3 เดือน
  • ให้เงินช่วยเหลือธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหาร และธุรกิจอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
  • สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ธุรกิจ SMEs โดยรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันเต็มจำนวน เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ ไม่เกินจำนวน 2 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงต่อธุรกิจ, ลดค่าใช้จ่ายด้านภาษีนิติบุคคล และยกเว้นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ และค่าเช่าในการเช่าสินทรัพย์ของรัฐ
  • เยียวยาผู้ประกอบการของท่าอากาศยานฮ่องกงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 เนื่องจากผู้โดยสารปรับลดลง โดยเฉพาะร้านค้าปลีกและร้านอาหาร ด้วยการลดค่าเช่าสถานที่ และค่าบริการสนามบินอื่น ๆ เป็นต้น

tai1

ไต้หวัน

  • แจกจ่ายคูปองแลกซื้อสินค้าตามร้านค้า ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ตลาดพื้นเมือง ตลาดกลางคืน และแหล่งช้อปปิ้งต่าง ๆ
  • ให้เงินช่วยเหลือผู้ที่ขาดรายได้จากการกักกันตัวเอง
  • ส่งเสริมสภาพคล่องให้กับ SMEs โดยช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ SMEs และช่วยชำระหนี้ในบางส่วน
  • ให้เงินช่วยเหลือเพื่อส่งเสริมสถานที่ทางศิลปวัฒนธรรม และจูงใจให้ลดราคาค่าชมและสินค้าในสถานที่นั้น ๆ รวมทั้งจัดงานเพื่อฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม
  • ให้เงินช่วยเหลือผู้ให้บริการรถโดยสารสาธารณะและธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้พร้อมสำหรับการดึงดูดนักท่องเที่ยวเมื่อการระบาดสิ้นสุดลง
  • ให้เงินช่วยเหลือผ่าน Council of Agriculture เพื่อส่งเสริมการส่งออกผลผลิตทางการเกษตร อาหารทะเล เนื้อสัตว์เพิ่มเติม รวมทั้งช่วยเหลือชาวนา ชาวสวน ชาวประมง

mayy

มาเลเซีย

  • ลดค่าไฟฟ้า น้ำประปา
  • ให้ใช้อินเทอร์เน็ตฟรี ตลอดช่วงการ Lockdown
  • ขยายเวลาชำระหนี้สินเชื่อต่าง ๆ รวมถึงสัญญาจำนองและสัญญาเช่าซื้อให้แก่ลูกหนี้รายบุคคลและผู้ประกอบการ SMEs เป็นเวลา 6 เดือน
  • ขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาเป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563
  • แจกเงิน 600 ริงกิต (ประมาณ 4,500 บาท) ให้คนขับแท็กซี่ คนขับรถทัวร์ คนขับสามล้อที่ขึ้นทะเบียน และไกด์ท่องเที่ยว
  • แจกเงินให้ผู้มีรายได้น้อยตามโครงการ Bantuan Sara Hidup (BSH) จำนวน 200 ริงกิต (ประมาณ 1,500 บาท) ในเดือนมีนาคม 2563, จ่ายอีก 100 ริงกิต (ประมาณ 750 บาท) ในเดือนพฤษภาคม 2563 และให้เงินเพิ่มเติมอีก 50 ริงกิต (ประมาณ 378 บาท) สำหรับผู้รับเงินผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์
  • มอบเงินช่วยเหลือ 1,600 ริงกิต (ราว 12,000 บาท) ให้ครอบครัวที่มีรายได้ไม่เกิน 4,000 ริงกิต (ราว 30,000 บาท) โดยจ่ายก้อนแรก 1,000 ริงกิต (ราว 7,500 บาท) ในเดือนเมษายน และอีก 600 ริงกิต (ราว 4,500 บาท) ในเดือนพฤษภาคม
  • มอบเงินช่วยเหลือ 800 ริงกิต (ราว 6,000 บาท) แก่คนโสดอายุ 21 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้ไม่เกิน 2,000 ริงกิต (ราว 15,000 บาท) โดยจ่ายก่อน 500 ริงกิต (ราว 3,700 บาท) ในเดือนเมษายน และอีก 300 ริงกิต (ราว 2,300 บาท) ในเดือนพฤษภาคม
  • มอบเงินช่วยเหลือ 1,000 ริงกิต แก่ครอบครัวที่มีรายได้ 4,001-8,000 ริงกิต (ราว 30,000-60,000 บาท) โดยจ่ายก่อน 500 ริงกิต (ราว 3,700 บาท) ในเดือนเมษายน และจ่ายส่วนที่เหลือในเดือนถัดไป
  • มอบเงินช่วยเหลือ 500 ริงกิต (ราว 3,750 บาท) แก่คนโสดอายุ 21 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้ 2,001-4,000 ริงกิต (ราว 15,000-30,000 บาท)

mala

  • ไม่อนุญาตให้นายจ้างลดเงินเดือนลูกจ้าง ที่ได้เงินเดือนต่ำกว่า 4,000 ริงกิต (ราว 30,000 บาท)
  • แรงงานที่ต้องหยุดพักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 และได้ขึ้นทะเบียนประกันการว่างงาน จะได้รับเงินช่วยเหลือ 600 ริงกิตต่อเดือน (ประมาณ 4,500 บาท) เป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน
  • เพิ่มเบี้ยเลี้ยงพิเศษให้บุคลากรทางสาธารณสุข จากเดิม 400 ริงกิต/เดือน เป็น 600 ริงกิต/เดือน (ประมาณ 4,380 บาท)
  • จ่ายเบี้ยเลี้ยงพิเศษให้กับทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ป้องกันพลเรือน พนักงานดับเพลิง และอาสาสมัคร 200 ริงกิต/เดือน (ประมาณ 1,460 บาท)
  • ข้าราชการและข้าราชการเกษียณ ได้รับเงิน 500 ริงกิต (ราว 3,700 บาท)
  • ลดอัตราการส่งเงินสมทบในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นจำนวน 4% สำหรับลูกจ้างบริษัท (จาก 11% เหลือ 7%) ทั้งนี้ ลูกจ้างสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าโครงการหรือจะจ่ายในอัตราเดิม (เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน-ธันวาคม 2563)
  • ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สูงสุด 1,000 ริงกิต (ประมาณ 7,500 บาท) เมื่อใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในประเทศ (ตั้งแต่เดือนมีนาคม-สิงหาคม 2563)
  • ให้เงิน 1,000 ริงกิต (ประมาณ 7,500 บาท) แก่ผู้ประกอบการท้องถิ่นจำนวน 10,000 ราย เพื่อส่งเสริมการขายสินค้าใน E-commerce
  • จัดสรรสินเชื่อ 1 พันล้านริงกิต ให้กับธุรกิจ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและการเกษตร (agrofood) มูลค่า 5 ล้านริงกิต ต่อ SME 1 ราย มีระยะเวลา 8 ปี
  • Bank Simpanan Nasional (BSN) จัดสรรสินเชื่อให้แก่ microcredit สำหรับภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ โดยคิดดอกเบี้ย 4%
  • ขยายระยะเวลาการจ่ายภาษีรายเดือนสำหรับธุรกิจท่องเที่ยว ได้แก่ บริษัทท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบิน (เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายน 2563)
  • ลดค่าไฟฟ้า 15% ต่อเดือน สำหรับธุรกิจโรงแรม บริษัทท่องเที่ยว สายการบิน ห้างสรรพสินค้า ศูนย์แสดงสินค้า และสวนสนุก (ตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายน 2563)
  • จัดสรรเงินช่วยเหลือ 200 ล้านริงกิต ให้แก่ Human Resource Development Fund (HRDF) เพื่อให้ลูกจ้าง 40,000 คน ในภาคการท่องเที่ยวและผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงผู้ได้รับผลกระทบทางอ้อม เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์

indo 1

อินโดนีเซีย

  • จัดหาสินค้าขั้นพื้นฐานให้ประชาชน 1.8 ล้านครัวเรือน ในกรุงจาการ์ตา และพื้นที่โดยรอบ เป็นเวลา 3 เดือน
  • มอบเงินสดให้ 19 ล้านครัวเรือน ที่อาศัยอยู่นอกเมืองจาการ์ตา
  •  เพิ่มงบประมาณกองทุนประกันสังคม 30% อาทิ เงินช่วยเหลือคนจน มูลค่า 4.6 ล้านล้านรูเปียห์ เพื่อกระตุ้นการบริโภค
  • ให้เงินสมทบเพื่อช่วยค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยบ้านและเงินดาวน์สินเชื่อบ้านให้กับผู้มีรายได้น้อย
  • งดภาษีเงินได้ให้แรงงาน (100% tax exemption) เป็นเวลา 6 เดือน (เริ่มเดือนเมษายน 2563)
  • เลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเป็นเวลา 6 เดือน
  • เลื่อนการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลบางส่วน 30% เป็นเวลา 6 เดือน
  • เพิ่มเพดานการคืนเงินภาษีจาก 1.0 เป็น 5 พันล้านรูเปียห์ พร้อมเร่งกระบวนการคืนเงิน
  • งดเว้นภาษีให้กับธุรกิจโรงแรมและภัตตาคารใน 10 เมืองหลักการท่องเที่ยว เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563
  • จัดสรรงบประมาณ 2.9 แสนล้านรูเปียห์ ให้สายการบิน Travel Agents และบริษัทที่เกี่ยวข้องเพื่อโฆษณาดึงดูดการท่องเที่ยวผ่าน Social Media ต่าง ๆ
  • ผ่อนเกณฑ์การส่งออก-นำเข้า ให้ทำการค้าได้มากขึ้นและคล่องตัวขึ้น สำหรับสินค้า 749 ชนิด ตาม HS code เริ่มที่สินค้าในกลุ่มเหล็ก
  • ผ่อนคลายเกณฑ์การปรับโครงสร้างหนี้เฉพาะสินเชื่อที่ปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19

singg

สิงคโปร์

  • ผู้ที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป และมีรายได้น้อยกว่า 28,000 ดอลลาร์สิงคโปร์/ปี จะได้รับเงินช่วยเหลือทั้งหมด 1,200 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 27,600 บาท) แบ่งจ่ายเป็น 2 งวด คือ 600 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 13,800 บาท) ในเดือนเมษายน 2563 และในเดือนมิถุนายน 2563 อีก 600 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 13,800 บาท)
  • สำหรับคนที่มีรายได้มากกว่า 28,000-100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์/ปี (ประมาณ 644,000-2,300,000 บาท) จะได้รับเงินช่วยเหลือทั้งหมด 900 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 20,700 บาท) แบ่งจ่ายเป็น 2 งวด คือ 600 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 13,800 บาท) ในเดือนเมษายน 2563 และในเดือนมิถุนายน 2563 อีก 300 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 6,900 บาท)
  • ถ้ามีรายได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์/ปี (ประมาณ 2,300,000 บาท) หรือเป็นเจ้าของอสังหาฯ มากกว่า 1 แห่ง จะได้รับเงินช่วยเหลือ 600 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 13,800 บาท) จ่ายครั้งเดียวในเดือนเมษายน 2563
  • สำหรับคนที่มีลูกอายุต่ำกว่า 21 ปี จะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มอีก 300 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 6,900 บาท)
  • ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป จะได้รับการเติมเงินในบัตร PAssion 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 2,300 บาท) เพื่อใช้ซื้อสินค้าที่ซูเปอร์มาร์เกตและร้านค้าในเครือข่าย
  • ผู้มีรายได้น้อยจะได้เงินอุดหนุนและคูปองซื้ออาหารเพิ่ม 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 2,300 บาท)
  • สนับสนุนค่าไฟฟ้าและน้ำประปา เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 เท่าตามขนาดของครัวเรือน (โครงการ USave rebates เป็นมาตรการที่มีอยู่แล้ว แต่เพิ่มมูลค่าเงินสนับสนุน)
  • คนขับแท็กซี่และรถเช่าส่วนบุคคล ที่ถูกสั่งให้กักตัวเอง (Quarantine Order) จะได้รับเงินชดเชยอย่างน้อย 400 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 9,200 บาท) พร้อมกับยกเว้นค่าเช่าแท็กซี่ ส่วนคนขับรถแท็กซี่และรถเช่าส่วนบุคคล ที่ไม่มีคำสั่งให้กักตัวเอง แต่ได้รับผลกระทบจากจำนวนผู้ใช้บริการลดลง จะได้รับเงินชดเชยไม่เกิน 20 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อคันต่อวัน (ประมาณ 460 บาท) เป็นเวลา 3 เดือน
  • คนที่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ที่เป็นผู้อยู่อาศัยถาวรและเป็นพลเมืองของสิงคโปร์ จะได้รับเงินชดเชยวันละ 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 2,300 บาท)

sing

  • พนักงานของบริษัทที่ต้องกักตัวเองจะถือว่าเป็นการลาป่วยพิเศษ และได้รับเงินเดือน
  • บริษัทที่พนักงานต้องกักตัวเองตามคำสั่ง จะได้รับเงินชดเชยวันละ 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 2,300 บาท) หลังจากพนักงานครบกำหนดระยะเวลา Quarantine
  • เดือนเมษายน 2563 รัฐบาลช่วยทุกบริษัทจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน 75% แต่สูงสุดไม่เกินคนละ 3,450 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 79,000 บาท)
  • เดือนพฤษภาคม-ธันวาคม 2563 รัฐจะช่วยจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน 25-75% ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ เช่น ธุรกิจการบินและท่องเที่ยว ได้รับ 75%, ธุรกิจอาหาร ได้รับ 50%, อุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้รับ 25%
  • เพิ่มวงเงินสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน 600,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ และเพิ่มการค้ำประกันของรัฐบาลเป็น 80% ในกรณีที่ธุรกิจเพิ่งเริ่มต้น เพื่อให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้
  • ยกเว้นค่าธรรมเนียมการเช่าร้านค้าและร้านอาหาร โดยผู้เช่าพื้นที่เพื่อการพาณิชย์จากรัฐบาลสำหรับการขายสินค้าและอาหาร จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการเช่าเป็นเวลา 1 เดือน และเจ้าของอาคารเอกชนจะได้รับเงินชดเชย 15% ของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อลดค่าเช่าให้กับร้านค้า
  • คืนภาษีนิติบุคคล 25% ของค่าใช้จ่ายภาษีไม่เกิน 15,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อราย (ประมาณ 345,000 บาท) สำหรับปีภาษี 2563
  • คืนภาษีสิ่งปลูกสร้างและที่ดินสำหรับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนัก ตั้งแต่ 10-30%

ฟิลิปปินส์

  • แจกเงินกลุ่มผู้มีรายได้น้อย 18 ล้านครัวเรือน จำนวน 5,000-8,000 เปโซฟิลิปปินส์ (ประมาณ 3,200-5,000 บาท) เป็นเวลา 2 เดือน โดยให้กับกลุ่มคนไร้บ้าน ครอบครัวที่มีคนว่างงาน ผู้สูงอายุ ครอบครัวเล็ก ผู้พิการ ผู้ที่ตั้งครรภ์และต้องหยุดงานเพื่อให้นมบุตร
  • จัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือแรงงานที่ตกงาน และได้รับผลกระทบผ่านการเพิ่มทักษะ รวมทั้งมีคอร์สเรียนฟรีผ่านมือถือและคอมพิวเตอร์
  • สนับสนุนค่าจ้าง และสนับสนุนด้านการเงินให้แก่แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19
  • จัดสรรสินเชื่อภายใต้โครงการของ Government Service Insurance System (GSIS) ให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมถึงผู้เกษียณที่ได้รับผลกระทบ
  • จัดสรรสินเชื่อพิเศษ Microfinance ให้ธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบและช่วยหาแหล่งผู้ผลิตรายใหม่ให้
  • จัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือธุรกิจในอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว
  • ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) ผ่อนคลายมาตรการทางการเงินแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 โดยขยายระยะเวลาชำระหนี้ 1 ปี

ppp

แคนาดา

  • ผ่อนผันการชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัย
  • เลื่อนจ่ายหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาให้ทุกคนโดยอัตโนมัติ ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2563
  • ผู้ที่ว่างงานจากเหตุโควิด 19 และมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 2,000 ดอลลาร์แคนาดา (ประมาณ 46,000 บาท) เป็นเวลา 4 เดือน
    ลูกจ้าง-มนุษย์เงินเดือน
  • รัฐบาลช่วยจ่ายค่าจ้าง 75% เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม – 6 มิถุนายน 2563 โดยจะจ่ายให้ไม่เกิน 847 ดอลลาร์แคนาดา/สัปดาห์ (ประมาณ 20,000 บาท) สำหรับบริษัทหรือองค์กรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 เท่านั้น และต้องเป็นบริษัทที่มีรายได้ลดลงอย่างน้อย 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน
  • เลื่อนการจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปี 2562 ไปจนถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2563
    ภาคธุรกิจ
  • เลื่อนชำระภาษีไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2563
  • ปล่อยสินเชื่อไม่คิดดอกเบี้ย วงเงิน 40,000 ดอลลาร์แคนาดา (ประมาณ 928,000 บาท) ให้กับธุรกิจ SMEs

GettyImages 1210410876

นิวซีแลนด์

  • รัฐบาลช่วยนายจ้างจ่ายค่าจ้างให้พนักงานที่ทำงานในบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด 19 และมีรายได้ลดลงอย่างน้อย 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • หากเป็นพนักงานประจำ (full-time) ซึ่งทำงานสัปดาห์ละ 20 ชั่วโมงขึ้นไป จะได้รับค่าจ้าง 585.80 ดอลลาร์นิวซีแลนด์/สัปดาห์ (ประมาณ 11,500 บาท) เป็นเวลา 12 สัปดาห์
  • หากเป็นพนักงานพาร์ตไทม์ (part-time) ซึ่งทำงานน้อยกว่าสัปดาห์ละ 20 ชั่วโมง จะได้รับค่าจ้าง 350 ดอลลาร์นิวซีแลนด์/สัปดาห์ (ประมาณ 6,800 บาท) เป็นเวลา 12 สัปดาห์
  • สำหรับกลุ่มธุรกิจสำคัญ เช่น การบริการรับ-ส่งอาหารและเครื่องดื่ม การเงิน สุขภาพ หรือสาธารณูปโภคและการสื่อสาร ฯลฯ รัฐบาลให้ความช่วยเหลือจ่ายเงินพนักงาน 2 กรณี คือ
  • จ่ายเงินอุดหนุนค่าจ้างเป็นเวลา 12 สัปดาห์ ให้กับพนักงานที่ยังทำงานอยู่
  • จ่ายเงินอุดหนุนค่าจ้างเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ให้กับพนักงานที่หยุดงาน เพราะต้องกักตัวตามคำสั่งของรัฐบาล และทำงานจากที่บ้านไม่ได้

Avatar photo