COVID-19

‘เยอรมนี’ เลิกบังคับ ‘สวมหน้ากากอนามัย’ โดยสารรถไฟ-รถประจำทาง หลังโควิด-19 ลด

เยอรมนี ยกเลิกข้อบังคับสวมหน้ากากอนามัย ขณะเดินทางโดยรถไฟ และรถโดยสารระยะไกล หลังดำเนินมาตรการดังกล่าวมาเกือบ 2 ปี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผ่อนคลายลง

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า กฎเกณฑ์ใหม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ส่วนบริหารท้องถิ่นในบางรัฐ ได้ยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดน้อยลงเรื่อย ๆ

สวมหน้ากากอนามัย

นายคาร์ล เลาเทอร์บัค รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเยอรมนี ได้เสนอให้ยุติการบังคับสวมหน้ากากให้เร็วขึ้น จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ว่าจะยุติในเดือนเมษายน แต่ก็ยังคงแนะนำให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัยโดยสมัครใจต่อไป

ข้อมูลจากทางการระบุว่า นับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2566 จำนวนผู้ติดเชื้อในเยอรมนีลดลงจากราว 160 รายต่อประชากร 100,000 คน สู่ระดับ 92 รายเมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) ส่วนมาตรการสุดท้ายที่เหลืออยู่คือ การบังคับกักตัวผู้ติดเชื้อ และการใส่หน้ากากอนามัยในสถานพยาบาล ซึ่งก็จะถูกยกเลิกในเร็ว ๆ นี้ด้วยเช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกัน “ไบโอเอนเทค” ผู้ผลิตวัคซีนของเยอรมนี ประกาศวานนี้ว่า บริษัทกำลังพัฒนาโรงงานแห่งหนึ่งในเมืองมาร์เบิร์ก รัฐเฮสส์ ด้วยเม็ดเงิน 40 ล้านยูโร เพื่อผลิตพลาสมิด (plasmid) ของตนเองสำหรับการผลิตวัคซีน

ทั้งนี้ พลาสมิด เป็นโมเลกุลดีเอ็นเอรูปวงแหวน ซึ่งสามารถใช้เป็นวัสดุตั้งต้นสำคัญสำหรับการผลิตตัวส่งสารของอาร์เอ็นเอ (RNA) ซึ่งไม่เพียงแค่อยู่มีในวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เท่านั้น แต่ยังใช้ในยารักษาโรคติดเชื้ออื่น ๆ และโรคมะเร็งด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo