นครนิวยอร์ก ของสหรัฐ และสิงคโปร์ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดประจำปี 2565 ร่วมกัน ในช่วงเวลาที่หลายเมืองใหญ่ทั่วโลก เผชิญกับปัญหาราคาพลังงาน-เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น
ดิ อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (EIU) สถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจและการเมือง และผู้ผลิตนิตยสารดิอีโคโนมิสต์ของอังกฤษ ระบุในรายงานค่าครองชีพทั่วโลก ประจำปี 2565 ซึ่งมีการจัดอันดับทั้งหมด 172 เมืองว่า นครนิวยอร์กของสหรัฐ และสิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดประจำปี 2565 ร่วมกัน
ตามมาด้วยกรุงเทลอาวีฟ ของอิสราเอลที่หล่นมาอยู่อันดับ 3 หลังจากที่ครองตำแหน่งเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดประจำปี 2564 อันดับ 4 ตกเป็นของฮ่องกง และนครลอสแอนเจลิสของสหรัฐ โดยมีนครซูริค และนครเจนีวา ของสวิตเซอร์แลนด์ในอันดับ 6 และ 7 เมืองซานฟรานซิสโกของสหรัฐในอันดับ 8 กรุงปารีสของฝรั่งเศสในอันดับ 9 และกรุงโคเปนเฮเกนของเดนมาร์ก กับนครซิดนีย์ของออสเตรเลียในอันดับ 10 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีชื่อนครซิดนีย์ติด 10 อันดับแรก
รายงานยังระบุว่า ค่าเงินที่แข็งขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายเมืองขยับอันดับแบบก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูง เช่น กรุงมอสโก และนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ของรัสเซีย ที่ขยับอันดับขึ้นจากปีก่อนถึง 88 อันดับ เนื่องจากถูกชาติตะวันตกใช้มาตรการคว่ำบาตร และปัญหาราคาน้ำมันแพง ที่ทำให้สินค้ามีราคาสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี มีหลายเมืองในหลายประเทศที่มีอันดับลดลงจากปีก่อน เนื่องจากมีค่าเงินอ่อนค่าลง เช่น กรุงโตเกียว และนครโอซากาของญี่ปุ่น ที่ร่วงไปอยู่อันดับ 37 และ 43 จากเดิมที่อันดับ 13 และ 10 ตามลำดับ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ยุโรป กระอัก! ‘ค่าครองชีพ’ พุ่งสูง ทำ ‘เศรษฐกิจถดถอย’
- ‘ไทย’ ติดอันดับ 11 โลก ประเทศเหมาะใช้ชีวิตหลังเกษียณ เหตุค่าครองชีพถูก ผู้คนเป็นมิตร
- ‘กรุงอาชกาบัต’ เติร์กเมนิสถาน ขึ้นแท่น ‘เมืองค่าครองชีพแพงสุดในโลก’ สำหรับต่างชาติ