World News

เปิดแถลงการณ์ฉบับเต็ม ‘ประยุทธ์-สี จิ้นผิง’ สร้าง ‘ประชาคมจีน-ไทย’ ที่มีอนาคตร่วมกัน

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย นอกรอบการประชุมเอเปค 2022 โดยทั้ง 2 ฝ่ายบรรลุฉันทามติ ว่าด้วยการสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกัน

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า คณะผู้นำของ 2 ประเทศได้ออกแถลงการณ์ร่วม ระหว่าจีน กับไทย ว่าด้วยการปฏิบัติงานเพื่อมุ่งสู่ประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกันอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมร่วมกัน

สี จิ้นผิง

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ในกรุงเทพฯ และเยือนไทยระหว่างวันที่ 17-19 พฤศจิกายน 2565 ตามคำเชิญของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ณ ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 19  พฤศจิกายน 2565

ทั้งสองฝ่ายบรรลุฉันทามติสำคัญฉบับใหม่ว่าด้วยการสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกันอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น รวมถึงหารือการพัฒนาของความสัมพันธ์ทวิภาคีในปัจจุบัน และอนาคต

จีนแสดงความยินดีกับไทย ที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ซึ่งสะท้อนความพยายามร่วมกันของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในการผลักดัน วิสัยทัศน์ปุตราจายา 2040 (Putrajaya Vision 2040) แห่งประชาคมเอเชียแปซิฟิกที่เปิดกว้าง มีพลวัต ยืดหยุ่น และสงบสุข ผ่านความสามัคคี และความร่วมมือเพิ่มขึ้น

ด้านไทยแสดงความยินดีกับจีนที่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ครั้งที่ 20 ประสบความสำเร็จลุล่วง และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่แห่งคณะกรรมการกลางพรรคฯ และประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง (CMC) อีกครั้ง

รวมถึงแสดงความเชื่อมั่นว่า จีนจะบรรลุเป้าหมายแห่งศตวรรษประการที่สอง ของการสร้างจีนเป็นประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่อันยิ่งใหญ่ในทุกด้าน และเดินหน้าการฟื้นฟูชาติจีนอย่างรอบด้านผ่านวิถีการสร้างความทันสมัยแบบจีน

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า เนื่องในวาระครบรอบ 10 ปี การเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านจีน-ไทย การประกาศการสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกันอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น จะกำหนดทิศทางของความสัมพันธ์ในอนาคต และเน้นย้ำว่า “จีนและไทยมีความใกล้ชิดดังครอบครัวเดียวกัน” ขณะทั้งสองประเทศเตรียมรับรองวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย ในปี 2568

สี จิ้นผิง

ทั้งสองฝ่ายยืนยันความมุ่งมั่นขยับขยายความไว้วางใจ ความเข้าใจ และการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ของหลักการเกี่ยวกับอธิปไตยของชาติ การรวมชาติ และบูรณภาพแห่งดินแดน

โดยฝ่ายจีนเคารพเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ขณะฝ่ายไทยยึดมั่นนโยบายจีนเดียวอย่างแน่วแน่ และถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่มิอาจแบ่งแยก รวมถึงรับรองว่า รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นรัฐบาลตามกฎหมายเพียงหนึ่งเดียว ที่เป็นตัวแทนของทั้งจีน โดยฝ่ายไทยสนับสนุนหลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ของจีน

ทั้งสองฝ่ายยกย่องชมเชยความก้าวหน้าของความร่วมมือเชิงปฏิบัติในทุกด้านของความสัมพันธ์จีน-ไทย แม้เผชิญความท้าทายจากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งพิสูจน์ได้จากการแลกเปลี่ยนระดับสูง และการจัดการประชุมภายใต้กลไกความร่วมมือทวิภาคีอันหลากหลาย

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องการเสริมสร้างการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ และเน้นย้ำความสำคัญของการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการร่วม ว่าด้วยความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์จีน-ไทย ระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย (2565-2569)

แผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการร่วมส่งเสริมแถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม และเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 ด้วยมุมมองของการเดินหน้าความร่วมมือเชิงปฏิบัติในทุกด้านและการสนับสนุนการสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกันอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น

ทั้งสองฝ่ายยืนยันความมุ่งมั่น บรรลุแผนระเบียงการพัฒนาการเชื่อมต่อ จีน-ไทย-ลาว ที่เชื่อมต่อทางรถไฟ จีน-ลาว เข้ากับระบบรางของไทย ซึ่งจะขยับขยายเครือข่ายโลจิสติกส์ เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน ตลอดจนการพัฒนาระดับอนุภูมิภาค

สี จิ้นผิง

ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการประสานงานระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทย และเขตเศรษฐกิจ กว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GBA) รวมถึงเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี (YRD) ของจีน โดยเฉพาะความร่วมมือทางอุตสาหกรรม ในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง อย่างยานยนต์ไฟฟ้า

ทั้งสองฝ่ายยืนยันความมุ่งมั่นร่วมมือด้านการฟื้นฟูสังคมและเศรษฐกิจ ในยุคหลังโรคโควิด-19 การบรรเทาผลกระทบจากภาวะขาลงของเศรษฐกิจโลก และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการรักษาความมั่นคงทางพลังงาน และอาหาร ผ่านการขยับขยายปริมาณการค้าทวิภาคี และการอำนวยความสะดวกทางการค้า ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์การเกษตรและอื่น ๆ

ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับการขยับขยายความร่วมมือด้านต่าง ๆ อันสนับสนุนการพัฒนาในอนาคต เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล พลังงานสะอาด และเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทาน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องการขยับขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ เศรษฐกิจสีเขียว และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อบรรลุการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติอันดี และประสบการณ์การบริหารประเทศในด้านที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น สุขภาพ การบรรเทาความยากจน และการพัฒนาชนบท และเสริมสร้างความร่วมมือของการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการลักลอบค้ายาเสพติด การพนันออนไลน์ และการหลอกลวงฉ้อโกงทางโทรศัพท์

ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสำคัญของการขยับขยายการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน เพื่อส่งเสริมไมตรี มิตรภาพ และความเข้าใจข้ามวัฒนธรรม โดยทั้งสองฝ่ายแสดงความพึงพอใจ ต่อการกลับมาบริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ ระหว่างจีนและไทย ขณะฝ่ายไทยเฝ้ารอต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีน ตามการผ่อนปรนมาตรการการเดินทางในจีน และขอบคุณฝ่ายจีน ที่อนุญาตนักเรียนนักศึกษาไทย ทยอยเดินทางเข้าจีนเพื่อศึกษาเล่าเรียนอย่างต่อเนื่อง

สี จิ้นผิง

โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะร่วมมือกัน เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูง และขยับขยายความร่วมมือด้านการศึกษา วัฒนธรรม สื่อและสารสนเทศ รวมถึงความร่วมมือระหว่างเมืองพี่เมืองน้องอย่างสอดคล้องกับหลักการของความเท่าเทียม การมีผลประโยชน์ร่วมกัน และความยั่งยืน

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือร ะดับอนุภูมิภาคและส่งเสริมการประสานงานระหว่างยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) และกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (LMC)

ด้วยมุมมองของการส่งเสริมการบูรณาการระดับอนุภูมิภาค การส่งเสริมการเชื่อมต่อ การค้าและการลงทุน ตลอดจนเสริมสร้างความแข็งแกร่งผ่านความร่วมมือด้านสุขภาพ ความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน ทรัพยากรน้ำ และการสร้างความเป็นดิจิทัล ซึ่งไทยยืนยันความพร้อมของการเป็นประธานร่วมของกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ในสมัยหน้า

ทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามฉันทามติที่บรรลุ ณ การประชุมสุดยอดจีน-อาเซียน สมัยพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 30 ปี ความสัมพันธ์คู่เจรจาจีน-อาเซียน ตลอดจนยึดมั่นภูมิภาคนิยม และร่วมรักษาความเป็นกลางของอาเซียน ในโครงสร้างระดับภูมิภาคที่มีการเปลี่ยนแปลง และเดินหน้าการเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านจีน-อาเซียน ผ่านการสร้างบ้านที่สงบสุข ปลอดภัยและมั่นคง มั่งคั่ง สวยงาม และรักใคร่ปรองดองกัน

โดยทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) และมุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก (AOIP) และรับรองการปฏิบัติตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) อย่างมีคุณภาพ

IMG 20221119155049000000

ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญยิ่งยวด กับการเสริมสร้างความร่วมมือภายใต้แผนริเริ่มการพัฒนาระดับโลก (GDI) เพื่อเร่งแนวทางการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ภายในปี 2573

จีนยกย่องชมเชยเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ที่ไทยนำเสนอ และพร้อมแสวงหาการเติบโตที่สมดุล ยั่งยืน และครอบคลุม ร่วมกับไทยโดยอ้างอิงปรัชญาการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าจีนและไทย แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมวงกว้างในหลายด้านเพื่อรักษาสันติภาพ และเสถียรภาพระดับภูมิภาคและระดับโลก และจะบุกเบิกความร่วมมือภายใต้กรอบการทำงานของแผนริเริ่มความมั่นคงระดับโลก (GSI) รวมถึงรักษาการสื่อสาร และการประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อรับมือผลกระทบจากความท้าทายด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิมและแบบใหม่ อาทิ การก่อการร้าย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความมั่นคงทางไซเบอร์

ทั้งสองฝ่ายจะดำเนินความพยายามร่วมกันเพื่อส่งเสริมลัทธิพหุภาคี และความร่วมมือระหว่างประเทศในทุกระดับ ผ่านการเสริมสร้างการประสานงาน และความร่วมมือภายใต้กรอบการทำงานของสหประชาชาติ และกลไกพหุภาคีอื่น ๆ ด้วยมุมมองของการส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง ความมั่งคั่ง และการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน รวมถึงการรับมือภัยคุกคามและความท้าทายใหม่

มีการลงนามเอกสารความร่วมมือด้านอื่น ๆ เช่น การลงทุน อีคอมเมิร์ซ และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระหว่างการเดินทางเยือนครั้งนี้

สี จิ้นผิง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo