ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ วานนี้ (1 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น พุ่งขึ้นกว่า 2% ขานรับความหวังที่ว่า จีนอาจจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง หลังจากใช้มาตรการคุมโควิดอย่างเข้มงวดมาอย่างยาวนาน ทั้งยังได้แรงหนุนขาขึ้นจาก “ดอลลาร์” ที่อ่อนค่าลง
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 88.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนเดียวกัน ราคาเพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 94.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาดีดตัวขึ้น หลังจากนายหาว ฮง นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียว่า นายหวัง หูหนิง หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง (โปลิตบูโร) ของจีน กำลังจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องการเปิดประเทศ และกำลังทบทวนข้อมูลด้านโควิด-19 ในต่างประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์ หากมีการเปิดประเทศ โดยจีนมีเป้าหมายที่จะผ่อนคลายกฎระเบียบในการควบคุมโควิด-19 ในเดือนมีนาคม 2566
ตลาดยังได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์อ่อนค่า โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์ เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.04% สู่ระดับ 111.4800 ซึ่งการอ่อนค่านี้ ทำให้น้ำมันดิบ ซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น ถูกลง และน่าดึงดูด สำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นักลงทุนจับตา สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ (2 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งคาดกันว่า จะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- พลังงานสากล ชี้ โลกเจอ ‘วิกฤติพลังงานที่แท้จริง’ เป็นครั้งแรก
- ‘ซีอีโอเอ็กซอน’ เตือน เปลี่ยนใช้ ‘พลังงานหมุนเวียน’ กะทันหัน ทำ ‘น้ำมัน’ ราคาพุ่ง
- ‘โกลด์แมน แซคส์’ คาด น้ำมันดิบ ราคาดีดถึง 115 ดอลลาร์ ต้นปี 66 เหตุ ‘โอเปคพลัส’ ลดผลิตครั้งใหญ่