ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (6 ต.ค.) ทะยานขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และชาติพันธมิตร หรือโอเปคพลัส มีมติปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปี
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 88.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 94.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ ที่ประชุมโอเปคพลัสมีมติปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวันสำหรับเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นการปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563 และเป็นการปรับลดกำลังการผลิตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2
นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า การที่กลุ่มอเปคพลัสตัดสินใจลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรลนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาด และเป็นการยืนยันความน่าเชื่อถือของโอเปคพลัส ในฐานะองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อการสร้างเสถียรภาพในตลาด
ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ประกาศปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้ และปีหน้า หลังจากโอเปคพลัสมีมติปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยคาดว่าราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบเบรนท์จะแตะระดับ 104 ดอลลาร์ในปีนี้ จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 99 ดอลลาร์ และคาดว่าราคาจะแตะ 110 ดอลลาร์ในปีหน้า จากเดิมที่ระดับ 108 ดอลลาร์
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของสต็อกน้ำมันสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3.4 ล้านบาร์เรล
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ไม่สนแรงกดดัน! ‘โอเปคพลัส’ หั่นกำลังผลิตน้ำมันวันละ 2 ล้านบาร์เรล หวังดันราคา
- ‘ไออีเอ’ ชี้ ‘รัสเซีย’ ผลิตน้ำมันมากเกินคาด แต่ ‘มาตรการคว่ำบาตร’ เริ่มกระทบ
- ยอดใช้น้ำมันเชื้อเพลิงรอบ 8 เดือนพุ่ง 15.2% หลังโควิดคลี่คลาย-ท่องเที่ยวฟื้น
