ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (5 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ทะยานสูงขึ้น หลัง โอเปคพลัส มีมติปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปี
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 87.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.57 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 93.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาปรับตัวขึ้น หลังจากที่ประชุม กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และชาติพันธมิตร หรือ โอเปคพลัส มีมติปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน สำหรับเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นการปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ปี 2563 และเป็นการปรับลดกำลังการผลิตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2
ก่อนหน้านี้ โอเปคพลัสมีมติลดกำลังการผลิต 100,000 บาร์เรลต่อวัน สำหรับเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นการปรับลดกำลังการผลิตเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563 เพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด
ทางด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ไม่สนแรงกดดัน! ‘โอเปคพลัส’ หั่นกำลังผลิตวันละ 2 ล้านบาร์เรล หวังดันราคาน้ำมัน
- ‘ไออีเอ’ ชี้ ‘รัสเซีย’ ผลิตน้ำมันมากเกินคาด แต่ ‘มาตรการคว่ำบาตร’ เริ่มกระทบ
- ยอดใช้น้ำมันเชื้อเพลิงรอบ 8 เดือนพุ่ง 15.2% หลังโควิดคลี่คลาย-ท่องเที่ยวฟื้น