รัฐมนตรีกลาโหมเวเนซุเอลา “พล.อ.วลาดิเมียร์ ปาดริโน” ประกาศไม่ยอมรับการตั้งรัฐบาลคู่ขนานของผู้นำฝ่ายค้าน และประธานสมัชชาแห่งชาติ “นายฮวน กวยโด” ที่ประกาศตัวเป็น “รักษาการผู้นำ” ท่ามกลางการสนับสนุนจากสหรัฐ และกลุ่มประเทศฝ่ายขวาในลาตินอเมริกา
พล.อ.วลาดิเมียร์ ปาดริโน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงว่า ทหารเวเนซุเอลาไม่มีทางยอมรับประธานาธิบดี ซึ่งสนับสนุนโดย “กลุ่มที่มีผลประโยชน์ซ่อนเร้น” หรือ “บุคคลที่สถาปนาตัวเองเป็นผู้นำนอกกฎหมาย” และกองทัพจะปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถในการเป็นผู้ปกป้องรัฐธรรมนูญ และรักษาอธิปไตยของประเทศ
แม้พล.อ.ปาดริโน จะไม่ได้ระบุชื่อบุคคล หรือประเทศใดออกมา แต่ถ้อยแถลงนี้เผยแพร่ออกมาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่นายกวยโด ผู้นำฝ่ายค้าน และประธานสมัชชาแห่งชาติของเวเนเซุเอลา ประกาศแต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็นรักษาการประธานาธิบดีเวเนเซุเอลา ขณะนำการประท้วงครั้งใหญ่ต่อต้านประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ซึ่งเกิดขึ้นทั้งในกรุงการากัส และเมืองใหญ่อีกหลายแห่งของประเทศ
นายกวยโดวัย 35 ปี กล่าวว่า ตอนนี้เวเนซุเอลาปราศจากประธานาธิบดีที่มีความชอบธรรม และรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่า หากตกอยู่ในท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ประธานสภาแห่งชาติ ซึ่งในขณะนี้คือตัวเขาต้องทำหน้าที่หน้าที่รักษาการ โดยนับจากนี้จะเตรียมจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ต่อไป
อย่างไรก็ดี มีคำถามตามมาว่า รัฐบาลคู่ขนานของนายกวยโดจะเข้าถึงงบประมาณแผ่นดินได้อย่างไร และสถานที่ตั้งของ “สำนักงานรัฐบาล” ชุดนี้จะอยู่ที่ใด
ทางด้านทำเนียบขาวเผยแพร่แถลงการณ์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่า สหรัฐยอมรับนายกวยโดในฐานะรักษาการผู้นำเวเนซุเอลา ตามด้วยแคนาดา สหภาพยุโรป ( อียู ) และกลุ่มประเทศรัฐบาลฝ่ายขวาในลาตินอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นบราซิลหรือโคลอมเบีย แต่เม็กซิโก โบลิเวีย และคิวบายืนยันว่า นายมาดูโรยังถือเป็นประธานาธิบดีของเวเนซุเอลา ส่วนปานามา “ไม่ขอแสดงจุดยืน” ในเรื่องนี้
ขณะที่นายมาดูโรประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลวอชิงตันทันที พร้อมสั่งเนรเทศเจ้าหน้าที่การทูตชาวอเมริกันทั้งหมด ที่ประจำการอยู่ในเวเนซุเอลาให้เดินทางออกนอกประเทศภายใน 72 ชั่วโมง นับตั้งแต่เมื่อวานนี้ (23 ม.ค.)
แต่ในเวลาต่อมานายกวยโดกล่าวเรียกร้องเจ้าหน้าที่การทูตของสหรัฐ และทุกประเทศให้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเวเนซุเอลาต่อไป ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ โดยการประท้วงเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ชาวเวเนซุเอลาลุกฮือขับไล่นายพลมาร์คอม เปเรซ ฮิมิเนซ ผู้นำรัฐบาลทหาร เมื่อปี 2501
