ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐวานนี้ (15 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น หลุด 90 ดอลลาร์ ผลจากเงินดอลลาร์แข็งค่า และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน ทั้งยังถูกกดดันจากแนวโน้มความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งอาจปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาด
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนกันยายน ร่วงลง 2.68 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 89.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนตุลาคม ดิ่งลง 3.05 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 95.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันทั้ง 2 ชนิด ปิดในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา
ตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.87% แตะที่ 106.5450
เงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ ที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนกรกฎาคม ที่ขยับขึ้นเพียง 2.7% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5% และชะลอตัวลงจากเดือนมิถุนายน ที่ขยายตัว 3.1%
ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคมของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 3.8% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.6% และชะลอตัวลงจากที่เพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนมิถุนายน
ตลาดยังจับตาความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน โดยนายฮอสเซน อามีร์อับดุลลาฮีอาน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เรียกร้องให้สหรัฐแสดงความยืดหยุ่นมากขึ้น ในการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ ด้านสหรัฐระบุก่อนหน้านี้ว่า พร้อมที่จะบรรลุข้อตกลงกับอิหร่านอย่างรวดเร็วตามข้อเสนอของสหภาพยุโรป (อียู)
ขณะที่ บทวิเคราะห์ของธนาคารคอมมอนเวลธ์ ระบุว่า ราคาน้ำมันจะดิ่งลงอย่างหนัก หากอิหร่านและชาติมหาอำนาจสามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ โดยอิหร่านจะสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มการส่งออก 1.0-1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในเวลา 6 เดือน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘สต็อกน้ำมันดิบฉุกเฉิน’ สหรัฐ ร่วงแตะระดับต่ำสุดรอบ 37 ปี
- ‘ไบเดน’ ร่อนจดหมายถึงบริษัทน้ำมัน จี้ ‘เพิ่มผลิต-ลดกำไร’
- เปิดเหตุผล ‘น้ำมัน’ ยังราคาแพงอีกนาน
