ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ ปิดร่วงลงเมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยแรง อาจจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 2 ดอลลาร์ หรือ 1.65% ปิดที่ 118.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 1.10 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 121.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดแถลงผลการประชุมในวันนี้ (15 มิ.ย.) ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ ตามเวลาไทย
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมรอบนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.6% ในเดือนที่แล้วเมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.3%
ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า นายรอน ไวเดน ประธานคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐ มีแผนเสนอกฎหมายเรียกเก็บภาษีส่วนเพิ่ม (surtax) จากกำไรส่วนเกินของบริษัทน้ำมัน โดยจะเรียกเก็บภาษีดังกล่าวในอัตรา 21% จากบริษัทน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์
นักลงทุน ยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบ ที่สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของวอลล์สตรีท เจอร์นัล คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- พลังงาน ไล่บี้ ‘ลดค่าการกลั่น’ หวังกดราคาน้ำมัน
- ‘พลังงาน’ ยืนยัน ‘ราคา น้ำมันไทย’ ยังค่อนข้างต่ำ เทียบเพื่อนบ้าน วอนประชาชน เข้าใจสถานการณ์
- ‘น้ำมัน WTI’ พุ่งถึง 122 ดอลลาร์ รับสต็อกเบนซินลด-จีนคลายล็อกดาวน์