ธนาคารกลางแคนาดา ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% ทั้งยังยุติการเข้าลงทุนเพิ่ม และเริ่มต้นลดปริมาณสภาพคล่องในตลาด ในความพยายามที่จะควบคุมการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ ที่ได้รับผลกระทบจากการทำสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ธนาคารกลางแคนาดา เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% มาอยู่ที่ระดับ 1% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยอัตราสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในวันข้างหน้า เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน
นายทิฟฟ์ แมคเคลม ผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดากล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในวันข้างหน้าถือเป็นภารกิจที่จำเป็น โดยธนาคารมุ่งมั่นที่จะใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน ซึ่งรวมถึงการขึ้นดอกเบี้ย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ เนื่องจากขณะนี้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และมีแนวโน้มที่จะบั่นทอนการเติบโตของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ธนาคารกลางแคนาดาได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 สู่ระดับ 6% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 5% และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อตลอดปี 2565 ขึ้นสู่ระดับ 5.3% จากระดับ 4.2% โดยระบุว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น อีกทั้งทำให้ห่วงโซ่อุปทานประสบภาวะชะงักงัน ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นด้วย
ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อของแคนาดาพุ่งขึ้นแตะระดับ 5.7% ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ที่อัตราเงินเฟ้ออยู่สูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางแคนาดาที่ระดับ 1%-3% ส่งผลให้ในการประชุมเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางแคนาดาตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ 0.50% จากเดิมที่ระดับ 0.25%
พร้อมกันนี้ ธนาคารยังจะดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ผ่านการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบหดตัว (คิวที) เพื่อดึงสภาพคล่องออกจากตลาด ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายนนี้ โดยจะไม่มีการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพิ่ม หลังจากที่ครบกำหนดการไถ่ถอนแล้ว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘แบงก์ชาติเกาหลีใต้’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% รับเงินเฟ้อพุ่งแรงสุดรอบ 10 ปี
- ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หั่นคาดการณ์ ‘เศรษฐกิจสหรัฐ’ ปี 65 โตแค่ 2.8%
- ห่วงวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน ดันราคาพลังงานทะยานขึ้น กระทบเงินเฟ้อเป็นโดมิโน
