สถานการณ์รัสเซียยูเครนล่าสุด วันนี้ (12 เม.ย.) ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ระบุว่า กองทัพรัสเซียกำลังระดมกำลังทหารหลายหมื่นนาย ตามแผนที่จะมุ่งเป้าโจมตีภาคตะวันออกของยูเครน ขณะเดียวกัน เขาก็คาดว่ามีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคนในเมืองท่ามารีอูโปลทางภาคใต้ของประเทศ นับแต่รัสเซียเข้ารุกราน
ผู้นำยูเครนกล่าวในการประชุมระบบวิดีโอลิงก์ต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกาหลีใต้ว่า มารีอูโปลถูกทำลาย มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน แต่ถึงอย่างนั้น รัสเซียก็ยังไม่หยุดการโจมตี” เขากล่าวพร้อมร้องขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม “เราจำต้องได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อที่จะอยู่รอดในสงครามนี้”
ท่าทีดังกล่าวของนายเซเลนสกีมีขึ้น หลังนายวาดิม บอยเชนโก นายกเทศมนตรีเมืองมารีอูโปล เปิดเผยว่า มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 10,000 ราย ที่เมืองมารีอูโปล และยังคงมีพลเรือนราว 120,000 คนติดค้างอยู่ในเมืองดังกล่าว โดยที่ประชาชนเหล่านี้ต้องการอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรคโดยด่วน
เขายังอ้างว่า ได้รับรายงานว่า กองทัพรัสเซียกำลังเก็บศพพลเรือน และนำไปแช่ไว้ในตู้เย็นของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในเมือง รวมถึงการนำศพไปใส่ตู้คอนเทนเนอร์ท้ายรถบรรทุกแล้วจุดไฟเผา
สถานการณ์ความขัดแย้ง รัสเซียยูเครนล่าสุด 12 เมษายน 2565
- กองกำลังแบ่งแยกดินแดนยันไม่ได้ใช้อาวุธเคมีโจมตีเมืองมารีอูโปล
นายเอดูอาร์ด บาซูริน ผู้บังคับบัญชาการกองกำลังแบ่งแยกดินแดนยูเครน ซึ่งมีรัสเซียเป็นผู้หนุนหลัง ออกมายืนยันว่า ไม่ได้ใช้อาวุธเคมีในระหว่างปฏิบัติการเข้ายึดครองเมืองมาริอูโปลตามที่ยูเครนกล่าวอ้าง
ท่าทีดังกล่าวมีขึ้น หลังนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนเรียกร้องให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรขั้นรุนแรงต่อรัสเซีย เพื่อป้องกันการใช้อาวุธเคมีในยูเครน และประณามกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่เรียกร้องให้มีการนำอาวุธเคมีมาใช้ต่อสู้กับกองกำลังยูเครนที่กำลังปกป้องเมืองมารีอูโปล
- อังกฤษเร่งสอบข้อกล่าวหารัสเซียใช้อาวุธเคมีในยูเครน
นายเจมส์ ฮีปปีย์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอังกฤษ กล่าวว่า รัฐบาลอังกฤษกำลังเร่งสอบสวนว่า กองทัพรัสเซียนำอาวุธเคมีมาใช้ในสงครามยูเครนหรือไม่ โดยอังกฤษได้รับรายงานเกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่า รัสเซียใช้อาวุธเคมีโจมตีเมืองมารีอูโปลที่ถูกปิดล้อมผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของยูเครน
แต่หน่วยข่าวกรองของกระทรวงกลาโหมอังกฤษ และกระทรวงกลาโหมยูเครนยังไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวได้อย่างอิสระ ซึ่งหากการสอบสวน มีหลักฐานยืนยันว่ารัสเซียใช้อาวุธเคมีจริง นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ และบรรดาผู้นำรัฐบาลต่าง ๆ ทั่วโลก ก็พร้อมออกมาตรการตอบโต้ทุกวิถีทางต่อรัสเซีย
- “นายกฯ ออสเตรีย” พบปูติน เกลี้ยกล่อมให้ยุติสงคราม
นายคาร์ล เนฮัมเมอร์ นายกรัฐมนตรีออสเตรียเดินทางไปพบประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เพื่อพูดคุย “อย่างตรงไปตรงมา เปิดเผย และหนักแน่น” ด้วยความหวังที่จะนำไปสู่การยุติสงครามในยูเครน โดยเขาระบุว่า การเดินทางครั้งนี้ ไม่ใช่การเยือนที่เป็นมิตร แต่มีเป้าหมายในการพูดคุยในทุกประเด็น เพื่อยุติสงครามที่เกิดขึ้น หรืออย่างน้อยให้มีความคืบหน้าด้านมนุษยธรรมแก่พลเรือนยูเครน
เขาเผยว่า ข้อความสำคัญที่เขาบอกกับนายปูตินคือ สงครามจะต้องยุติลง เพราะสงครามมีแต่ผู้พ่ายแพ้เท่านั้น
- บริษัทเยอรมนีเตรียมส่งรถถังให้ยูเครน 50 คัน
นายอาร์มิน พัพเพอร์เกอร์ ซีอีโอ ไรน์เมทัล ผู้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ ของเยอรมนี เปิดเผยว่า หากได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเยอรมนี บริษัทจะจัดส่งรถถังเลพเพิร์ด 1 (Leopard 1) จำนวน 50 คันให้แก่ยูเครน โดยจะสามารถจัดส่งรถถังชุดแรกให้ยูเครนได้ภายใน 6 สัปดาห์ และจะทยอยส่งส่วนที่เหลือให้ในช่วง 3 เดือนข้างหน้าผ่านบริษัทในเครือที่ชื่อ ไรน์เมทัล อิตาเลีย
- “โนเกีย” ถอนธุรกิจออกจากรัสเซีย
นายเพคกา ลุนด์มาร์ค ซีอีโอ โนเกีย ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายสื่อสารโทรคมนาคมสัญชาติฟินแลนด์ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการถอนตัวออกจากตลาดรัสเซีย เนื่องจากมองไม่เห็นความเป็นไปได้ ที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปในรัสเซีย ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน โดยโนเกียจะยังให้การสนับสนุนลูกค้าต่อไปในระหว่างการถอนตัว และยังไม่สามารถบอกได้ว่าขั้นตอนการถอนตัวจากรัสเซียจะใช้เวลานานเท่าใด
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในปี 2565 แต่เสริมว่า อาจนำไปสู่การตั้งสำรองเงินประมาณ 100 ล้านยูโร ในไตรมาสแรก
- เด็กยูเครนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 148 ราย บาดเจ็บ 233 ราย
นายมานูเอล ฟงแตน ผู้อำนวยการด้านเหตุฉุกเฉินขององค์การยูนิเซฟ (ยูนิเซฟ) กล่าวระหว่างการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ว่า นับตั้งแต่ที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีเด็กในยูเครนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 148 ราย และบาดเจ็บอีก 233 ราย โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จากที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ รายงานเมื่อไม่ถึง 3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ และจำนวนเด็กที่เสียชีวิตจริงนั้นมีแนวโน้มสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับตัวเลขที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ยืนยัน
- ญี่ปุ่นไฟเขียวอายัดทรัพย์ลูกสาวปูติน-ชาวรัสเซียรวม 398 คน
คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม โดยจะอายัดทรัพย์สินของชาวรัสเซีย 398 คนซึ่งรวมถึงลูกสาว 2 คนของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และภรรยาของนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย
การคว่ำบาตรล่าสุดซึ่งสอดคล้องกับมาตรการลงโทษของสหรัฐ และสหภาพยุโรป (อียู) นั้น ยังรวมถึงอายัดทรัพย์สินองค์กรรัสเซียอีก 28 แห่ง เช่น กลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านการทหาร และธนาคาร 2 แห่งได้แก่ สเบอร์แบงก์ (Sberbank) และอัลฟา แบงก์ (Alfa Bank) โดยการอายัดทรัพย์สินของธนาคารดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้
- นายกรัฐมนตรีลิทัวเนียเยือนยูเครน
นางอินกริด ซิมอนนิทย์ นายกรัฐมนตรีลิทัวเนีย เดินทางไปยังเมืองโบโรเดียนกา ที่ยูเครนยึดคืนได้จากรัสเซีย โดยนางซิมอนนิทย์ได้พบกับทีมกู้ภัยที่กำลังกู้ร่างผู้เสียชีวิต 7 คนออกจากใต้ซากอาคาร 2 หลัง ซึ่งถูกโจมตี ระหว่างการเยือนครั้งนี้ นางซิมอนนิทย์ยังได้เจรจาเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางทหารและมนุษยธรรม รวมทั้งลงนามข้อตกลงว่าด้วยการคุ้มครองเด็กชาวยูเครนที่เป็นเหยื่อสงครามด้วย
- สตรียูเครนเผยถูกทหารรัสเซียข่มขืน-ยิงสามีตาย
บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี เปิดเผยคำให้การครั้งแรกของสตรีชาวยูเครน และพบหลักฐานที่ชี้ว่า สตรีชาวยูเครนถูกทหารรัสเซียข่มขืน ในขณะที่นำกำลังบุกโจมตียูเครน ขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัสเซียออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง
บีบีซี รายงานว่า แอนนา (นามสมมติ) สตรีชาวยูเครน วัย 50 ปี ที่อาศัยอยู่ในย่านชนบทห่างจากกรุงเคียฟไปทางตะวันตกราว 70 กิโลเมตร ระบุว่า เธออยู่กับสามีในบ้านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่ทหารรัสเซียบุกรุกเข้ามาในบ้านของเธอ ทหารนายหนึ่งใช้ปืนจี้ และพาเธอไปยังบ้านอีกหลังที่อยู่ใกล้กัน เขาสั่งให้เธอถอดเสื้อผ้าออก ไม่เช่นนั้นเขาจะยิงเธอ เขาขู่ฆ่าเธออยู่หลายครั้ง หากเธอไม่ทำที่เขาสั่ง และทหารนายนี้ก็เริ่มข่มขืนเธอในเวลาต่อมา
แอนนาเผยว่า ผู้ที่ขืนใจเธอเป็นทหารของสาธารณรัฐเชเชน หรือเชชเนีย ที่เป็นพันธมิตรกับรัสเซียและเข้าร่วมในสงครามยูเครน อย่างไรก็ดี ขณะที่ทหารนายนี้กำลังข่มขืนเธอ มีทหารอีกสี่นายเข้ามา และจับตัวทหารที่ข่มขืนเธอออกไป เธอเชื่อว่าทหารรัสเซียอีกหน่วยได้เข้ามาช่วยเธอไว้
แอนนายังเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นโดยไม่หยุดร่ำไห้ว่า เธอกลับไปที่บ้าน และพบว่าสามีถูกยิงที่ท้องหลังจากที่เขาพยายามวิ่งตามไปช่วยเธอจากการถูกข่มขืน เธอและสามีได้ไปหาที่ซ่อนตัวในบ้านของเพื่อนบ้าน ทำให้ไม่สามารถพาสามีไปรักษาในโรงพยาบาลได้ เนื่องจากเกิดการสู้รบดุเดือดจนกระทั่งสามีของเธอเสียชีวิตจากแผลถูกยิงในอีก 2 วันต่อมา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ประหลาดใจทั้งโลก!! ‘นายกอังกฤษ’ โผล่เยือนยูเครน ประกาศเพิ่มช่วยเหลือเงิน-กำลังทหาร’
- ‘ยูเครน’ ห้ามนำเข้าสินค้าทุกอย่างจาก ‘รัสเซีย’
- รัสเซีย’ โทษ ‘สหรัฐ’ สั่งจัดฉาก ‘ศพพลเรือนเกลื่อนถนน’ ในยูเครน
