ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรงตัวที่ดับ 78 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่ราคาพลังงานสูงขึ้นในช่วงที่ความต้องการเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจและเข้าสู่ฤดูหนาวในยุโรป
การปรับขึ้นของราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันและก๊าซ ทำให้หลายประเทศ ทั้งสหรัฐและอินเดีย ผู้ใช้รายใหญ่กดดันให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร เพิ่มการผลิตน้ำมันออกสู่ตลาด
กลุ่มโอเปก จะมีการประชุมในวันจันทร์นี้ โดยจะมีประเด็นการพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน หลังจากลดกำลังการผลิตลงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ทรงตัว ขยับขึ้น 97 เซ็นต์ หรือ 1.2% เคลื่อนไหวอยู่ที่ 79.28 ดอลลาร์ และน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 85 เซ็นต์ อยู่ที่ 75.88 ดอลลาร์ โดยราคาน้ำมันขยับต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6
นักวิเคราะห์กล่าวว่าหากกลุ่มโอเปกและพันธมัตร หรือ โอเปกพลัส คงกำลังการผลิตไว้ตามเดิม คาดว่าราคาจะวิ่งไปแตะ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล และหากผลิตเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 600,000 บาร์เรล/วัน ราคาน้ำมันก็จะขยับขึ้นเช่นเดียวกัน แต่อาจจะน้อยกว่ากรณีไม่เพิ่มกำลังการผลิต
นักลงทุนในตลาดน้ำมันคาดว่าความต้องการใช้กับกำลังการผลิจในขณะนี้ห่างกันมากเกินไป และนั่งก็เสี่ยงจะนำไปสู่วิกฤติพลังงาน ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวจากโควิด-19
ด้านคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่าในวันจันทร์ บรรดารัฐมนตรีคลังของยูโรโซนจะร่วมหารือกันเกี่ยวกับราคาพลังงานที่พุ่งขึ้น เนื่องจากพวกเขาวิตกว่า ราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นอาจจะส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจชะลอลง ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุน และส่งผลกระทบต่อกลุ่มประชาชนที่ยากจนที่สุด
การรับมือด้านนโยบายใด ๆ นั้น จะต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกว่าราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้นนั้นเป็นเพียงชั่วคราวหรือถาวร
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าราคาก๊าซ น้ำมันและไฟฟ้าที่แพงขึ้นนั้นเป็นเพียงชั่วคราว และจะลดลงในปี 2565 ซึ่งรัฐบาลจำนวนมากในยูโรโซนก็เชื่อเช่นนั้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม:
- พลังงานพร้อมใช้กองทุนน้ำมัน อุ้มราคาดีเซลหากวิ่งทะลุ 30 บาท
- ดาวโจนส์ฟื้นตัว แรงซื้อคืนหลังร่วงหนัก ‘น้ำมัน-ทองคำ’ลงต่อ
- โควิดวันนี้ 2 ต.ค. ทั่วโลกติดเชื้อ 235.06 ล้าน ‘เมอร์ค’ เตรียมยื่นเรื่อง อย.ขออนุมัติใช้ยา ‘โมลนูพิราเวียร์’