โควิดวันนี้ 11 ก.ค. นับถึงเวลา 09.00 น. ทั่วโลกมี ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ 187,264,899 คน รักษาตัวหายแล้ว 171,237,477 คน และมียอดสะสมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4,042,675 ราย ทำให้วันนี้ ทั่วโลกมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นมา 422,706 ราย และมีผู้เสียชีวิต จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 7,281 ราย
Worldometer เว็บไซต์รายงานข้อมูลโควิด-19 ล่าสุด ที่รวบรวมมาจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมจำนวน 34,726,111 ราย โดยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สหรัฐรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 14,535 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 622,821 ราย เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 118 ราย ยังคงเป็นอันดับ 1 ของโลก ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต
ทางด้าน อินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มีตัวเลขผู้ติดเชื้อช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาที่ 30,836,231 ตามด้วย บราซิล (19,069,003), ฝรั่งเศส (5,808,383), รัสเซีย (5,758,300), ตุรกี (5,476,294)
สหราชอาณาจักร (5,089,893), อาร์เจนตินา (4,639,098), โคลอมเบีย (4,492,537) และอิตาลี (4,269,885)
ประเทศที่มียอดสะสมผู้ติดเชื้อมากกว่า 3 ล้านคน รวมถึง สเปน เยอรมนี และอิหร่าน ส่วนประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 2 ล้านราย ได้แก่ โปแลนด์ เม็กซิโก อินโดนีเซีย ยูเครน แอฟริกาใต้ และ เปรู โดยประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 ล้านราย ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ สาธารณรัฐเช็ก ชิลี ฟิลิปปินส์ แคนาดา อิรัก สวีเดน เบลเยียม โรมาเนีย และบังกลาเทศ
สำหรับสถานการณ์ในอาเซียนนั้น กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีจำนวน 35,094 ราย ส่งผลให้ จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 2,491,006 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุด ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
ส่วนผู้เสียชีวิต จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 826 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 65,457 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในอาเซียนเช่นกัน
ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุข ฟิลิปปินส์ รายงานว่า มีผู้ติดเชื้อ โควิดวันนี้ 11 ก.ค. ที่ 1,467,119 ราย เพิ่มขึ้น 5,675 คน ส่วนผู้เสียชีวิต จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 96 ราย ทำให้มียอดสะสมผู้เสียชีวิตล่าสุด อยู่ที่ 25,816 ราย
ทางด้าน คณะอนุกรรมการด้านโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาระดับโลกด้านความปลอดภัยของวัคซีนประจำองค์การอนามัยโลก (WHO Global Advisory Committee on Vaccine Safety – GACVS) แถลงว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญของ WHO เชื่อว่า ประโยชน์ของวัคซีนชนิด mRNA ในการป้องกันโรคโควิด-19 นั้น มีมากกว่าความเสี่ยง ที่จะทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
“ประโยชน์ของวัคซีนโควิดชนิด mRNA มีมากกว่าความเสี่ยง โดยจะช่วยลดจำนวนผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และลดการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19”
“พบผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบน้อยรายมาก หลังจากการฉีดวัคซีนโควิดชนิด mRNA กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยในผู้ชายที่มีอายุน้อยและหลังจากฉีดวัคซีนโดสที่สองแล้ว ซึ่งโดยปกติมักจะพบภายหลังจากการฉีดวัคซีนแล้ว 2-3 วัน”
“บุคคลที่ได้รับการฉีดวัคซีนควรไปพบแพทย์ทันที หากพวกเขามีอาการที่บ่งบอกถึงโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ”
ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด mRNA นั้นเป็นการนำชิ้นส่วนสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 (mRNA) ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโปรตีนปุ่มหนาม ของเชื้อไวรัส (Spike protein) มาสังเคราะห์เป็นรหัสคำสั่งที่เรียกว่า S-spike mRNA
เมื่อฉีดวัคซีนชนิด mRNA เข้าสู่ร่างกาย จะทำให้เซลล์ในร่างกายผลิตโปรตีน ส่วนที่เป็นปุ่มหนามของไวรัสขึ้น และโปรตีนที่ผลิตได้ในส่วนนี้ จะทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Antigen) ให้ร่างกายรู้จักกับเชื้อโควิด-19 และสร้างภูมิคุ้มกัน (Antibody) ขึ้นเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หรือเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 โดยในปัจจุบันมีวัคซีนชนิด mRNA อยู่ 2 ตัวได้แก่ วัคซีนของไฟเซอร์ และโมเดอร์นา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘แพทยสภา’ หนุน ‘วัคซีน mRNA’ ย้ำประชาชนต้องได้ฉีดฟรี ตามรัฐธรรมนูญ
- เริ่มสัปดาห์หน้า! อินโดนีเซียฉีด ‘วัคซีนโมเดอร์นา’ เข็ม 3 บุคลากรแพทย์ทั่วประเทศ
- โควิดวันนี้ 10 ก.ค. ทั่วโลกติดเชื้อ 186.83 ล้าน ‘เวียดนาม’ สั่งล็อกดาวน์ ‘โฮจิมินห์’ สกัดโควิดกลายพันธุ์
