นายกรัฐมนตรีเอดูอาร์ด ฟิลิปเป ของฝรั่งเศส ยืนยันเดินหน้าขึ้นภาษีน้ำมัน แม้จะเกิดการประท้วงขึ้นทั่วประเทศ
“มาตรการที่เรากำหนดขึ้นเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว และเราจะรักษานโยบายนี้ไว้” นายฟิลิปเป ระบุ พร้อมเสริมว่า จำเป็นต้องมีการให้รายละเอียดในเรื่องนี้เพิ่มเติม และรัฐบาลก็จะทำเพิ่มเติม ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นเรื่องที่ดีสำหรับชาวฝรั่งเศส
ท่าทีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังชาวฝรั่งเศสเกือบ 300,000 คน ทำให้พื้นที่สำคัญทางกลยุทธ์มากกว่า 2,000 แห่งรอบๆ ฝรั่งเศส ตกอยู่ในภาวะอัมพาต ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (17 พ.ย.) ในความพยายามที่จะกดดันให้รัฐบาลลดอัตราภาษีน้ำมันเบนซิน และดีเซล ทั้งยังมีการนำประเด็นเรื่องอื่นๆ อย่าง กำลังซื้อ เข้ามารวมไว้ในข้อเรียกร้องของการประท้วงครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำประกาศเก็บภาษีแก๊สโซลีนหรือน้ำมันเบนซินเป็น 4 เซนต์ต่อลิตร ( ราว 15 บาท ) และราคาเชื้อเพลิงดีเซลในปัจจุบันอยู่ที่ลิตรละ 7 เซนต์ ( ราว 26.39 บาท ) และแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ในความพยายามที่จะกระตุ้นให้คนส่วนใหญ่หันมาใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น แต่ชาวฝรั่งเศสจำนวนมาก มองว่านโยบายดังกล่าวเป็นการเอาใจ ชนชั้นผู้นำ และผู้ประกอบการทางธุรกิจมากกว่า
ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยระบุจำนวนผู้ประท้วงตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 288,000 คน ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 409 คน ในจำนวนนี้รวมตำรวจปราบจลาจล 28 นาย และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คนเป็นหญิง หลังคนขับรถบรรทุกคันหนึ่ง ซึ่งตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของผู้ประท้วง พยายามนำพาหนะออกจากฝูงชน ใกล้กับเมืองชอมเบรี ทางตะวันออกของฝรั่งเศส
ทางด้านนายคริสตอฟ คาสเตเนอร์ รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศส เปิดเผยว่า บรรดาผู้ประท้วงปฏิเสธที่จะยุติการชุม และยังขัดขวางการจราจรอย่างต่อเนื่อง เมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น มีการนำที่กั้นมาขวางถนนมากกว่า 150 จุด โดยเฉพาะในเมืองเรนเนส์ ทางตะวันตก อาวิญอง ทางตอนใต้ และแนนซี ทางตะวันออกของประเทศ
นายคาสเตเนอร์ ระบุด้วยว่า สถานการณ์ที่ผ่านมาตลอดทั้งคืน เต็มไปด้วยความตึงเครียด มีการบุกรุก ต่อสู้โดยใช้อาวุธ ทั้งต่อตำรวจ และในหมู่ผู้ประท้วงเอง
จนถึงขณะนี้ มีผู้โดนจับกุมเพื่อสอบปากคำแล้ว 157 ราย
