COVID-19

‘ฟอซี’ เตือน ‘สายพันธุ์เดลตา’ ภัยคุกคามใหญ่สุดสหรัฐ

ที่ปรึกษาแพทย์ทำเนียบขาว “แอนโทนี ฟอซี” ออกโรงเตือน “สายพันธุ์เดลตา” ภัยคุกคามใหญ๋สุด ขวางความพยายามสหรัฐ กำจัด “โควิด” 

นพ.แอนโทนี ฟอซี  หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งมีการพบครั้งแรกในอินเดีย กำลังกลายเป็นภัยคุกคามใหญ่ที่สุดในความพยายามที่จะกำจัดไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

เขาบอกด้วยว่า ขณะนี้ ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า คิดเป็นสัดส่วน 20% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 10% เมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้  โดยไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์นี้ มีรูปแบบการแพร่ระบาดเหมือนกับไวรัสสายพันธุ์อัลฟา ซึ่งมีการพบครั้งแรกในอังกฤษ โดยการระบาดได้เพิ่มขึ้น 2 เท่าในสหรัฐภายในเวลาทุก 2 สัปดาห์

สายพันธุ์เดลตา

สายพันธุ์เดลตา จ่อสายพันธุ์หลักระบาดในสหรัฐ

ทางด้าน พญ.โรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐ เรียกร้องให้ชาวอเมริกัน รีบเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ที่มาจากอินเดียนี้ มีแนวโน้มกลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ และว่า วัคซีนในปัจจุบันยังคงสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์นี้ได้ แต่ต้องมีการฉีดครบ 2 โดส

ทั้งนี้ ผลการศึกษาจากหลายที่ บ่งชี้ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์นี้ สามารถแพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์อัลฟา  ถึง 40-50% เมื่อเทียบกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อัลฟา โดยในขณะนี้ เชื่อว่า ไวรัสสายพันธุ์ ที่พบในอินเดียเป็นครั้งแรกนี้ แพร่ระบาดไปในดินแดนต่าง ๆ ทั่วโลกมากกว่า 62 ประเทศ

ท่าทีของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 ของสหรัฐ สอดคล้องกับคำเตือนก่อนหน้านี้ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่บอกไว้ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์นี้ กำลังกลายเป็นสายพันธุ์หลักของโลก

วันเดียวกันนี้ ทำเนียบขาวยอมรับว่า จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำแดนอินทรี ตั้งไว้ว่า ราว 70% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐ จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อยหนึ่งเข็ม ภายในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นวันชาติอเมริกันได้

สาเหตุหลักของเรื่องนี้ คือ ความลังเลใจของกลุ่มคนวัย 18-26 ปีในอเมริกา

สายพันธุ์เดลตา

อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวระบุว่า แม้จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนดังกล่าวก็ตาม แต่ก็คาดว่า 70% ของคนอเมริกันซึ่งมีอายุตั้งแต่ 27 ปีขึ้นไปจะได้รับวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อยหนึ่งเข็มภายในวันชาติอเมริกันนี้

ขณะที่เป้าหมาย 70 % ของประธานาธิบดีไบเดนเป็นตัวเลขโดยรวม แต่ถ้าพิจารณาลึกลงไปในแง่กลุ่มอายุแล้ว ขณะนี้คนอเมริกันในแต่ละกลุ่ม มีอัตราการได้รับวัคซีนไม่เท่ากัน กล่าวคือสำหรับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 80% ได้รับวัคซีนแล้ว และในกลุ่มอายุ 25 – 39 ปีมี 53% ซึ่งได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็ม

แต่ปัญหาขณะนี้อยู่ที่กลุ่มคนวัยหนุ่มสาวอายุระหว่าง 18 – 26 ปี ซึ่งมีเพียงราว 47% เท่านั้นที่ได้รับวัคซีน โควิด-19 โดยเหตุผลที่ประชากรกลุ่มนี้ ไม่เต็มใจเข้ารับวัคซีนนั้น มีอยู่หลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความรู้สึกที่ว่าไวรัสโควิด-19 ไม่ใช่เรื่องที่จะมีผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขา รวมถึง จากความคิดที่ว่าคนอื่นควรได้รับวัคซีนมากกว่าตัวเอง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo