World News

‘สหรัฐ-อังกฤษ’ สั่งขึ้นบัญชีดำ 2 บริษัทยักษ์ เอี่ยวกองทัพเมียนมา

สหรัฐ และอังกฤษ ประกาศขึ้นบัญชีดำ กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ 2 ราย ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเมียนมา ส่วนหนึ่งของการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ตอบโต้การใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ประท้วง และการทำรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน

กระทรวงการคลังสหรัฐ แถลงว่า สหรัฐได้เพิ่มชื่อ บริษัทเมียนมา อิโคโนมิค โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEHL และบริษัทเมียนมา อิโคโนมิค จำกัด (เอ็มอีซี) เข้าไว้ในรายชื่อธุรกิจ และ บุคคลที่ถูกลงโทษทางเศรษฐกิจ

shutterstock 1561743040

ขณะที่ รัฐบาลอังกฤษ ประกาศเพิ่มชื่อทั้ง 2 บริษัทนี้เข้าในบัญชีดำเช่นกัน ด้วยเหตุผลว่า กองทัพเมียนมา ซึ่งควบคุมธุรกิจเหล่านี้อยู่ ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงต่อชาวมุสลิมโรฮิงญา

รายงานข่าวระบุว่า การประกาศลงโทษกองทัพเมียนมารอบใหม่นี้ ถือเป็นการดำเนินการที่มีนัยสำคัญที่สุด ต่อธุรกิจที่นายทหารของเมียนมามีส่วนได้ส่วนเสียอยู่ เพราะทั้ง 2 บริษัท ดำเนินธุรกิจหลากหลาย ตั้งแต่ ธุรกิจเบียร์ ไปจนถึง ยาสูบ โทรคมนาคม ยางรถยนต์ เหมืองแร่ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ภายหลังการประกาศมาตรการนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ยังได้ออกแถลงการณ์ประณาม กรณีทางการเมียนมาใช้ความรุนแรง ที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ในการควบคุมผู้ชุมนุมช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 ราย รวมถึง เด็กหลายคน

นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า การกระทำอันโหดเหี้ยม และน่าชิงชังต่อเด็ก ๆ ที่รวมถึง เด็กวัย 7 ปี ผู้ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านของเธอ ระหว่างนั่งอยู่บนตักของบิดา แสดงให้เห็นถึงลักษณะความโหดร้าย ของวิธีการที่รัฐบาลทหารเมียนมานำมาใช้ต่อประชาชนของตัวเอง

ทั้งนี้ มาตรการต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการอายัดสินทรัพย์ ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเมียนมา ในสหรัฐ มีผลทำให้บริษัท และบุคคลสัญชาติอเมริกัน  ไม่สามารถค้าขาย หรือทำธุรกรรมการเงินใด ๆ กับธุรกิจ หรือผู้ที่ถูกลงโทษได้ และเพราะการชำระเงินเกือบทั้งหมด ที่ใช้เงินสกุลดอลลาร์  ต้องดำเนินการผ่านสถาบันการเงินของสหรัฐ บริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำ จึงเหมือนถูกขับออกจากระบบการธนาคารอเมริกันไปโดยปริยาย

ทางด้าน นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจ ที่พุ่งเป้าไปยังกองทัพเมียนมา ไม่ใช่ประชาชน  แสดงให้เห็นว่า สหรัฐ และอังกฤษ มุ่งที่จะทำตามคำมั่น เอาผิดกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อรัฐประหารในเมียนมา และการใช้ความรุนแรงอันน่าชิงชังต่าง ๆ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี  นายเอ็ด มาร์คีย์ วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครต และประธานอนุคณะกรรมาธิการกิจการด้านเอเชีย กล่าวระหว่างการให้ข้อมูลต่อวุฒิสภาสหรัฐ ว่า ยินดีที่มีการลงโทษกองทัพเมียนมาอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องการจะให้มีการดำเนินการมากกว่านี้

เช่นเดียวกับ กลุ่มเคลื่อนไหวปกป้องสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่ม ที่กล่าวว่า แม้มาตรการที่ผ่านมาจะเป็นก้าวสำคัญ ในการลงโทษรัฐบาลทหารเมียนมา แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่ใช่การลงโทษทางเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุด ที่นานาชาติสามารถประกาศใช้ได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo