World News

ญี่ปุ่นเดินหน้ารับวัคซีนโควิด ‘ไฟเซอร์’ 100 ล้านโดส แม้คนกังวล ‘เคสแพ้รุนแรง’

ญี่ปุ่นเดินหน้ารับวัคซีนโควิด-19 “ไฟเซอร์” 100 ล้านโดสกลางปีนี้ แม้คนกังวลอาการ “แพ้รุนแรง”

ทาโร โคโนะ รัฐมนตรีของญี่ปุ่น ซึ่งกำกับดูแลกระบวนการฉีดวัคซีนในประเทศ เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นเตรียมรับมอบวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของไฟเซอร์ อิงค์ (Pfizer Inc.) บริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐ จำนวน 100 ล้านโดส ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2564 ท่ามกลางความกังวลกรณีอาการแพ้รุนแรง

วัคซีนโควิด ญี่ปุ่น

 

โคโนะแถลงข่าวว่า วัคซีนที่จะส่งมาจากโรงงานของไฟเซอร์ในเบลเยียมจำเป็นต้องผ่านการอนุมัติแบบแยกภายใต้การควบคุมการส่งออกของสหภาพยุโรป (EU) โดยญี่ปุ่นชะลอโครงการฉีดวัคซีนเมื่อเทียบกับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่แห่งอื่น ๆ เนื่องจากเกิดความล่าช้าในกระบวนการผลิตที่โรงงานของไฟเซอร์และการควบคุมการส่งออกของสหภาพยุโรป

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ญี่ปุ่นเดินหน้าฉีดวัคซีนให้บุคลากรการแพทย์แนวหน้า 4.8 ล้านคนอย่างเต็มกำลัง และกำหนดเริ่มฉีดวัคซีนให้ผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไปช่วงกลางเดือนเมษายน 2564 ตามด้วยกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวและผู้ทำงานในสถานดูแลผู้สูงอายุ และกลุ่มประชากรทั่วไป

โคโนะเผยว่าญี่ปุ่นเตรียมรับมอบวัคซีนที่พัฒนาโดยไฟเซอร์และไบออนเทค เอสอี (BioNTech SE) บริษัทหุ้นส่วนจากเยอรมนี ชุดที่ 5 จำนวน 420,000 โดส ในวันจันทร์นี้ (15 มี.ค.)

ด้านประชากรญี่ปุ่นมีความลังเลต่อการรับวัคซีน หลังผลสำรวจจากสำนักข่าวเคียวโด นิวส์ (Kyodo News) พบผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 63.1% ที่ต้องการรับวัคซีน โดยความกังวลดังกล่าวเป็นผลมาจากรายงานกรณีบุคลากรการแพทย์ญี่ปุ่นเกิดอาการแพ้รุนแรง (anaphylaxis) หลังรับวัคซีนของไฟเซอร์ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาการแพ้แอนติเจนรุนแรงที่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลันและอาจอันตรายถึงชีวิต

ญี่ปุ่น13 e1610549951527

กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นตรวจพบผู้มีอาการแพ้รุนแรง 37 คน จากกลุ่มคนรับวัคซีน 181,184 คนทั่วประเทศ เมื่อนับถึงวันที่ 11 มีนาคม 2564 โดยขณะนี้ทั้งหมดมีอาการดีขึ้นแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อวันพุธ (10 มี.ค.) โคโนะระบุว่า ญี่ปุ่นตรวจพบผู้มีอาการแพ้รุนแรงหลังรับวัคซีนของไฟเซอร์มากกว่า เมื่อเทียบกับสหรัฐและยุโรป โดยโนริฮิสะ ทามูระ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าคณะกรรมการกระทรวงฯ จะตรวจสอบปัญหาดังกล่าวและพยายามระบุว่าอาการแพ้รุนแรงในญี่ปุ่นนั้นร้ายแรงเทียบเท่าต่างประเทศหรือไม่

ที่มาสำนักข่าวซินหัว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo