เชนร้านกาแฟรายใหญ่สุด ของโลก “สตาร์บัคส์” เปิดร้านค้า บนแพลตฟอร์มตลาด “เจดี ดอท คอม” (JD.com) ผู้ค้าปลีกออนไลน์ รายใหญ่สุดของจีน หลังในช่วงไตรมาสแรก ของปีงบการเงิน 2564 บริษัทมียอดขาย ในตลาดจีน พุ่งขึ้นถึง 5%
ร้านค้าเรือธงออนไลน์ ของสตาร์บัคส์แห่งนี้ จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัท รวมถึง แก้วกาแฟคอลเลคชันต่าง ๆ อาทิ ซากุระ บลอสซัม ควบคู่ไปกับสินค้าหลักอย่าง แก้วกาแฟแบบดั้งเดิม การ์ดของขวัญ อาหารตามเทศกาล อย่าง บ๊ะจ่าง และขนมไหว้พระจันทร์
รายงานระบุว่า การเปิดร้านบนแพลตฟอร์ม เจดีดอทคอม ในครั้งนี้ เนื่องจากผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์นี้ ส่วนใหญ่ เป็นผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายของบริษัท ทั้งเครือข่ายโลจิสติกส์ ที่มีอยู่ทั่วประเทศของ เจดีดอทคอม ยังสร้างความมั่นใจถึงการจัดส่งสินค้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว
การเปิดร้านดังกล่าว ยังเกิดขึ้น หลังในการรายงาน ผลประกอบการไตรมาสแรก ของปี 2564 ที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2563 นั้น เชนร้านกาแฟชั้นนำแห่งนี้มียอดขายสาขาเดิม ในตลาดจีน เพิ่มขึ้นถึง 5% เทียบกับในตลาดบ้านเกิด อย่าง สหรัฐ ที่ลดลง 5% ผลจากการระบาดใหญ่ ของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบ 2 ทำให้เกิดข้อจำกัด ในการรับประทานอาหาร
ในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัท มียอดขายสุทธิ ลดลง 5% มาอยู่ที่ 6,750 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะอยู่ที่ 6,930 ล้านดอลลาร์
โดยยอดขายหน้าร้านทั่วโลก ลดลง 5% มีธุรกรรมน้อยลง 19% แต่ราคาเฉลี่ยต่อบิลเพิ่มขึ้น 17% โดยจำนวนสมาชิก Starbucks Rewards ที่มีการใช้งานในช่วง 90 วัน ในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.8 ล้านราย หรือคิดเป็น 15%
สำหรับใน จีน ตลาดใหญ่อันดับ 2 ของบริษัทนั้น สตาร์บัคส์ มียอดขายสาขาเดียวกัน เพิ่มสูงขึ้นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด- 19
ในช่วงไตรมาสแรกนี้ บริษัทยังเปิดร้านใหม่ไป 278 สาขา ทำให้ผลตอบแทน ต่อสาขา เพิ่มขึ้น 4% ต่อปี ซึ่งนับถึงสิ้นไตรมาสนี้ สตาร์บัคส์ มีสาขาทั่วโลกทั้งหมด 32,938 แห่ง ในจำนวนนี้ เป็นสาขา ที่บริษัทบริหารเอง คิดเป็นสัดส่วน 51% และเป็นสาขาที่ขายลิขสิทธิ์ให้ 49%
ทางด้าน นายเควิน จอห์นสัน ประธานบริหาร และซีอีโอ ระบุว่า รู้สึกยินดีอย่างมาก กับการเริ่มต้น ปีงบการเงิน 2564 ด้วยผลประกอบการรายไตรมาส ที่พัฒนาขึ้นมาอย่างดี แม้การดำเนินธุรกิจจะติดขัด จากการระบาดใหญ่ ของเชื้อไวรัสโควิด- 19
เขาบอกด้วยว่า การลงทุน ในพันธมิตรของบริษัท รวมถึง นวัตกรรมด้านเครื่องดื่ม และความสัมพันธ์ดิจิทัล กับกลุ่มลูกค้า ช่วยหนุนการฟื้นตัว ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง และทำให้สตาร์บัคส์ มีความสามารถ สำหรับการเติบโต อย่างยั่งยืนในระยาว
“ผลประกอบการที่ออกมา แสดงให้เห็นถึง ความแข็งแกร่งของแบรนด์ และประสิทธิผลในการดำเนินงาน ที่บริษัทได้ปรับตัว ให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเรายังมองในแง่ดี ถึงแนวโน้มการดำเนินงาน ที่แข็งแกร่ง สำหรับปีงบการเงิน 2564 รวมถึง ความสามารถ ที่จะปลดล็อกศักยภาพทั้งหมด ของสตาร์บัคส์ เพื่อสร้างมูลค่า ให้กับผู้ถือหุ้น”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘สตาร์บัคส์’ ธุรกิจล่าสุด ร่วมกระแส ‘ระงับโฆษณา’ บนโซเชียลมีเดีย
- เปิดจดหมาย ‘ซีอีโอสตาร์บัคส์’ ย่างก้าวสู่ ‘now normal’
- ‘สตาร์บัคส์’ ทุ่มกว่า 4,000 ล้าน ผุด ‘อุทยานนวัตกรรม’ ในจีน ครบเครื่องเรื่องกาแฟ
