World News

‘เงินเฟ้อพุ่ง’ สะเทือนบัลลังก์ ‘ดูเตอร์เต’

อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี ทำให้คะแนนนิยม “ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต” ผู้นำฟิลิปปินส์ร่วงลง และอาจทำให้เขาต้องยอมสละนโยบายเศรษฐกิจบางอย่างของตัวเองทิ้งไป

duterte
โรดริโก ดูเตอร์เต

ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ดัชนีราคาผู้บริโภคของฟิลิปปินส์ทะยานขึ้น 6.7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชากร 100 ล้านคนในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มคนฐานะยากจน ซึ่งเป็นฐานเสียงสนับสนุนที่จำเป็นอย่างมากสำหรับการเลือกตั้งกลางเทอม ที่จะมีขึ้นในปี 2562

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังฟิลิปปินส์ ออกมาประกาศระงับการขึ้นภาษีเชื้อเพลิง ที่เดิมกำหนดจะบังคับใช้ในเดือนมกราคมปีหน้า และจะเป็นแหล่งรายได้สำคัญสำหรับแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 166,000 ล้านดอลลาร์ของดูเตอร์เต

“การตัดสินใจครั้งนี้ จะช่วยสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อในปีต่อไป เปิดทางให้ประชาชนจัดการกับสถานะการเงินของตัวเองได้ดีขึ้น และปิดกั้นไม่ให้พวกกักตุน และเก็งกำไร ฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้” คาร์ลอส โดมิงเกซ รัฐมนตรีคลังฟิลิปปินส์ ระบุ

ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ดูเตอร์เตต้องเจอกับความพ่ายแพ้ในหลายเรื่อง และเขาก็ขู่ที่จะลาออกอยู่หลายครั้ง

นโยบายทำสงครามกับยาเสพติดของเขา ที่ทำให้มีคนเสียชีวิตหลายพันราย ล้มเหลวที่จะขจัดยาเสพติดออกไปจากท้องถนน ทั้งศาล และแม้กระทั่งพันธมิตรบางคน ก็ยังเข้าแทรกแซงความพยายามของเขาที่จะจำคุกนักวิจารณ์ชื่อดัง และการแสดงความเห็นของเขาในหลายเรื่อง ก็เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ในสายตาของประชาชนในประเทศ ที่ราว 80% เป็นชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก

ยิ่งไปกว่านั้น ความหวังของผู้นำฟิลิปปินส์ ที่จะเห็นการลงทุนเฟื่องฟูมากขึ้น จากการกระชับสัมพันธ์กับจีน จนยอมเสี่ยงที่จะสูญเสียความสัมพันธ์กับพันธมิตรดั้งเดิมอย่างสหรัฐ และบั่นทอนสมดุลอำนาจในเอเชียนั้น ก็ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ตามความคาดหมาย

1331416 1894007803

เงินทุนจากจีน เข้ามาลงทุนในโครงการก่อสร้างสะพาน 2 แห่งของฟิลิปปินส์ แต่กลับไม่ค่อยให้ความสนใจในโครงการเรือธงของรัฐบาลมะนิลา อย่าง โครงการสร้างทางรถไฟ มากนัก

ข้อมูลจากโซเชียล เวเธอร์ สเตชันส์ ผู้จัดทำแบบสำรวจความเห็น จะแสดงให้เห็นว่า แม้คะแนนนิยมในตัวดูเตอร์เตจะฟื้นตัวขึ้นมา นับแต่ที่เขาออกมาแสดงความเห็นในเรื่องพระเจ้าหลายครั้งเมื่อเดือนมิถุนายน แต่คะแนนนิยมในรัฐบาลของเขากลับร่วงลงมา 8 จุด ช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายนที่ผ่านมา

ขณะที่การสำรวจความเห็นเมื่อเดือนที่แล้ว ของพัลส์ เอเชีย พบว่า เงินเฟ้อกลายเป็นเรื่องที่ชาวฟิลิปปินส์กังวลมากสุด คิดเป็นสัดส่วน 63% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด และมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถาม ให้รัฐบาลสอบตกกับการจัดการปัญหานี้

ทั้งนี้ เงินเฟ้อกลายมาเป็นความกังวลในระดับโลก จากการที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ค่อยๆ ยกเลิกนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอย่างมาก ที่ใช้กันมาร่วมทศวรรษ และในปีนี้ ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ ปรับขึ้นดอกเบี้ยมาถึง 4 ครั้งแล้ว

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ ระบุว่า แม้เศรษฐกิจฟิลิปปินส์จะขยายตัวแข็งแกร่งอยู่ แต่เงินเฟ้อก็ทะยานขึ้นมาเร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้ โดยมีอัตราเฉลี่ยรายเดือนในปีนี้อยู่ที่ 5% เทียบกับระดับ 2.9% ในปี 2560 ซึ่งหลังจากที่รัฐบาลเมินเฉยมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ต้องโดนบีบให้จัดการกับเรื่องนี้ในที่สุด

“แน่นอนว่า เรื่องดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายรู้สึกกังวลอยู่บ้าง ในแง่ของผลกระทบที่จะเกิดขึ้น” ซอง เซง วุน นักเศรษฐศาสตร์จากซีไอเอ็มบี ไพรเวท แบงก์ ในสิงคโปร์ กล่าว

Avatar photo